เพราะพัฒนาการนั้นสำคัญในทุกด้านสำหรับลูกในแต่ละวัย
ใครว่าการที่เราจะเติบโตได้มานั้นเป็นเรื่องที่ง่าย ความคิดนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะแต่ละ step ของการเจริญเติบโตตั้งแต่วัยทารกจนวัยผู้ใหญ่นั้น จะต้องผ่านพัฒนาการที่หลากหลาย แม้กระทั่งในวัยผู้ใหญ่เอง ที่เราคิดว่าพัฒนาการนั้นน่าจะหยุดแล้ว แต่พัฒนาการทางด้านสติปัญญาและความคิด ทัศนคติยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุด เนื่องจากเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันถูกพัฒนาด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยที่คนในทุกวัยจะต้องตามให้ทัน ถ้าเราไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยีแล้วล่ะก็ เราจะตามไม่ทันข่าวสารและการดำเนินในด้านธุรกรรมต่างๆได้
หากกลับมามองในเรื่องพัฒนาการของลูกในทุกๆวัย แน่นอนว่าสิ่งนี้พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม แต่ควรตระหนักและให้ความสำคัญและใส่ใจ เพราะลูกแต่ละคนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน สังเกตได้ว่า เด็กในวัยเดียวกันหรืออายุเท่ากัน อาจจะมีพัฒนาการที่ช้าเร็วต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการพูด อ่าน เขียน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและความใส่ใจของพ่อแม่อีกด้วย เช่น ถ้าพ่อแม่สังเกตลูกว่า มีความสนใจและต้องการทำกิจกรรมในด้านในเป็นพิเศษ ก็จะสนับสนุนในสิ่งนั้น หากลูกชอบการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้ง พ่อแม่ควรพาออกไปเล่นกีฬาที่ได้ปลดปล่อยพลังที่เหลือล้นในตัวเด็ก แต่ถ้าพ่อแม่ยังไม่ทราบแนวทางเบื้องต้น การเลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ที่คลินิกพัฒนาการหรือที่โรงพยาบาลเด็กถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด อีกทั้งกิจกรรมที่สร้างพัฒนาการให้เด็กๆนั้นก็มีทั้งเริ่มจากจัดกิจกรรมที่ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการ ลงมือทำจริงอย่างหลากหลาย ที่สำคัญสามารถปรับและยืดหยุ่น ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบ้าน จัดพื้นที่ในบ้านให้เหมาะสมกับการทำกิจกรรม มีความปลอดภัยต่อเด็กและ ช่วยจัดหาอุปกรณ์เช่น ดินสอ กระดาษ สีเทียน สีน้ำ ฯลฯ ให้เด็กเรียนรู้ผ่านการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น เก็บที่นอน ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ล้างมือ กินข้าวฯลฯ อาจกำหนดช่วงเวลาให้เด็กทำ และทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในช่วงแรกอาจคอยช่วยเหลือหรือทำกิจวัตรประจำวันพร้อมกันกับเด็ก เมื่อเด็กทำได้แล้วจึงให้เด็กลงมือทำเอง นอกจากนี้ควรเปิดโอกาสให้เด็กทำกิจกรรมที่เหมาะสมเท่าที่เด็กจะทำได้ในการช่วยทำงานบ้าน งานครัว เช่น กวาดบ้าน เก็บของเข้าที่ ปอกผลไม้ ล้างผักง่ายๆ ฯลฯ งานสวน เช่น ปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ เป็นต้น ทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็ก แต่หากไม่มีเวลา ควรเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้จากสิ่งของและผู้คนที่อยู่รอบตัว และให้เด็กได้เล่นอิสระ อาจเป็นของเล่นหรือของใช้ที่ไม่เป็นอันตราย หาได้ง่ายในบ้าน และจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น ของจริงตามธรรมชาติ(ใบไม้ ผลไม้ก้อนหิน ฯลฯ) จากสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน (ช้อน จาน แก้วนํ้า ฯลฯ) รวมทั้งให้เด็กได้เล่นออกกำลังกลางแจ้งหรือในร่ม เล่นนํ้า เล่นทราย โดยมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้พ่อแม่ ผู้ปกครองคือของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก อาจเล่นกับเด็กโดยใช้อวัยวะบางส่วนของร่างกาย (มือ แขน ขา หู ตา จมูก ผม ฯลฯ) นำมาประกอบการเล่นได้มากมาย เช่น อุ้ม โอบกอด ขี่หลัง ขี่คอ เล่นนิ้วมือ เป็นต้น โดยข้อมูลเหล่านี้มาจากเว็บไซต์ academic obec