ผ้ากันไฟที่นิยมใช้ในอาคารในอาคารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน, โรงแรม, ศูนย์การค้า, โรงพยาบาล หรือแม้แต่อาคารที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ มีความจำเป็นต้องใช้ "ผ้ากันไฟ" หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และตำแหน่งการใช้งาน โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่คุณสมบัติไม่ติดไฟ (non-combustible) หรือหน่วงการลามไฟ (flame retardant) และมาตรฐานที่ได้รับการรับรอง
นี่คือประเภทของผ้ากันไฟที่นิยมใช้ในอาคาร:
1. ผ้าม่านกันไฟอัตโนมัติ (Automatic Fire Curtains)
ลักษณะ: เป็นระบบผ้าม่านกันไฟที่ติดตั้งแบบซ่อนอยู่ในโครงสร้างอาคาร (เช่น เพดาน หรือผนัง) และจะเลื่อนลงมาปิดช่องเปิดขนาดใหญ่โดยอัตโนมัติเมื่อระบบตรวจจับเพลิงไหม้ทำงาน
วัสดุ: มักใช้ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric) หรือผ้าซิลิก้า (Silica Fabric) ที่มีการเคลือบพิเศษ เพื่อให้ทนความร้อนสูง และผ่านมาตรฐานการทนไฟตามระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 30 นาที, 60 นาที, 120 นาที)
การใช้งานในอาคาร:
กั้นโซนเพลิงไหม้ (Compartmentation): เพื่อจำกัดการลุกลามของไฟและควันจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง
ป้องกันช่องเปิดขนาดใหญ่: เช่น โถงบันได, ช่องลิฟต์, ช่องสายพานลำเลียง, ประตูทางเข้า-ออกของอาคาร หรือพื้นที่ที่ต้องการแบ่งโซนแต่ไม่สามารถมีผนังถาวรได้
มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: EN 13501-2, NFPA 252 (สำหรับประตู), ISO 834-1 (สำหรับองค์ประกอบโครงสร้าง)
2. ผ้าม่านกันไฟ (Fire Retardant Curtains)
ลักษณะ: ผ้าม่านที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติหรือสังเคราะห์ที่ผ่านการเคลือบสารหน่วงไฟ หรือเป็นเส้นใยที่ติดไฟยากโดยธรรมชาติ (Inherently Flame Retardant)
วัสดุ: โพลีเอสเตอร์, อะรามิด (เช่น Trevira CS, Nomex) หรือเส้นใยอื่นๆ ที่ผ่านการบำบัด
คุณสมบัติ: ไม่ได้เป็น "ผ้ากันไฟ" แบบไม่ติดไฟ แต่จะ "หน่วงการลามไฟ" คือติดไฟได้ยาก หรือมอดดับเองเมื่อนำแหล่งกำเนิดไฟออกไป และไม่สร้างหยดที่ลุกไหม้
การใช้งานในอาคาร:
ผ้าม่านในพื้นที่สาธารณะ: ห้องประชุม, ห้องจัดเลี้ยง, โรงแรม, โรงพยาบาล, โรงภาพยนตร์ ที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยสูง
ผ้าม่านตกแต่งภายใน: ช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ผ้าม่านเป็นเชื้อเพลิงหลักในการลุกลามของไฟ
มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: NFPA 701 (มาตรฐานการทดสอบการลามไฟของสิ่งทอสำหรับอาคาร), BS 5867 (สำหรับผ้าม่านในสหราชอาณาจักร)
3. ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์กันไฟ (Fire Retardant Upholstery Fabrics)
ลักษณะ: ผ้าที่ใช้สำหรับบุโซฟา, เก้าอี้, หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ผ่านการบำบัดสารหน่วงไฟ หรือผลิตจากเส้นใยที่ติดไฟยากโดยธรรมชาติ
วัสดุ: คล้ายกับผ้าม่านกันไฟ อาจเป็นโพลีเอสเตอร์, อะรามิด หรือเส้นใยผสม
คุณสมบัติ: หน่วงการลามไฟ, ทนทานต่อการติดไฟจากบุหรี่ (cigarette ignition resistance)
การใช้งานในอาคาร:
เฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่สาธารณะ: ล็อบบี้โรงแรม, ห้องรับรอง, สำนักงาน, โรงพยาบาล, โรงภาพยนตร์ ที่มีคนจำนวนมากและต้องการลดความเสี่ยงจากการติดไฟของเฟอร์นิเจอร์
มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: BS 5852 (สำหรับเฟอร์นิเจอร์ในสหราชอาณาจักร), CA TB 117 (สำหรับเฟอร์นิเจอร์ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา)
4. ผ้าห่มกันไฟ (Fire Blankets)
ลักษณะ: ผ้าห่มกันไฟสำเร็จรูปที่ทำจากใยแก้ว มักบรรจุในกล่องหรือซองพร้อมห่วงดึง
วัสดุ: ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric)
คุณสมบัติ: ไม่ติดไฟ, ทนความร้อนสูง (550°C - 800°C), ดับไฟโดยการตัดออกซิเจน
การใช้งานในอาคาร:
ในห้องครัวของอาคาร: เช่น ห้องครัวของโรงแรม, ภัตตาคาร, โรงอาหาร, หรือครัวส่วนกลางของอาคารสำนักงาน
จุดที่มีความเสี่ยงเพลิงไหม้ขนาดเล็ก: เช่น ห้องปฏิบัติการ, ห้องช่างบำรุงรักษา
มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: EN 1869
5. วัสดุฉนวนกันความร้อน/กันไฟ (Insulation Fabrics)
ลักษณะ: ผ้ากันไฟที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีเยี่ยม มักใช้หุ้มท่อ, วาล์ว, หรืออุปกรณ์ที่มีความร้อนสูง
วัสดุ: ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคน, ผ้าซิลิก้า, ผ้าเซรามิกไฟเบอร์
คุณสมบัติ: ทนความร้อนสูงมาก, เป็นฉนวนกันความร้อน, ไม่ติดไฟ
การใช้งานในอาคาร:
หุ้มระบบท่อไอน้ำ: ในห้องเครื่อง หรือพื้นที่ที่มีระบบท่อความร้อนสูง เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงและลดการแผ่รังสีความร้อน
หุ้มอุปกรณ์อุตสาหกรรม: ในโรงงานที่ตั้งอยู่ในอาคาร
การเลือกใช้ผ้ากันไฟในอาคารต้องพิจารณาจากข้อกำหนดของกฎหมายและมาตรฐานอาคารที่เกี่ยวข้อง, ประเภทการใช้งานของพื้นที่, และระดับความเสี่ยงจากอัคคีภัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดครับ