ผู้เขียน หัวข้อ: motor expo: MG4 2 รุ่นใหม่ XPOWER VS MG4 X รุ่นไหนเหมาะกับใคร?  (อ่าน 48 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1163
  • แจกเวบลงประกาศฟรี, ลงประกาศฟรีออนไลน์ ,โพสฟรี, โพสต์ขายของฟรี
    • ดูรายละเอียด
motor expo: MG4 2 รุ่นใหม่ XPOWER VS MG4 X รุ่นไหนเหมาะกับใคร?
« เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2024, 18:08:53 น. »
motor expo: MG4 2 รุ่นใหม่ XPOWER VS MG4 X รุ่นไหนเหมาะกับใคร?

ทีมงาน Checkraka มีโอกาสร่วมทดสอบขับขี่ MG4 ELECTRIC 2 รุ่นใหม่พร้อมกับทาง Carznova สื่อนักทดสอบรถที่มีดีกรีอดีตลงสนาม Toyota Altis One Make Race และรายการ REVO 24HR เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการลองของใหม่กับ MG4 X รุ่นประกอบไทยที่ปรับปรุงใหม่ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานและราคาที่ประหยัดมากขึ้น และอีกรุ่นที่กำลังมาแรงเป็นกระแสคือ MG4 XPOWER ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD พลัง 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร มาดูกันว่ารุ่นไหนน่าสนใจและจะเหมาะสมกับการใช้งานอย่างไรตามมาครับ!
 

MG4 ประกอบไทย 4 รุ่นย่อย เริ่ม 709,900 บาท

MG4 ELECTRIC รุ่นปี 2024 มีประกอบในประเทศไทยมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่
MG4 D Standard Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC ราคา 709,900 บาท
 

MG4 X Standard Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC ราคา 809,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น D 100,000 บาท)

MG4 V Long Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 540 กม. NEDC ราคา 889,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น X อีก 80,000 บาท)​
 

โดยที่ทั้ง 3 รุ่นนี้มีการอับเดทระบบใหม่ เช่น หน้าจอกลางระบบสัมผัส 12 นิ้ว ใหม่รองรับ ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod แบบไร้สาย, กล้องมองรอบคัน 360 องศา (เว้นรุ่น D มีเฉพาะกล้องถอยหลัง) ที่ภาพยังไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร โหมดขับขี่ 4 รูปแบบ มีโหมด ปรับตั้งค่าเอง Custom ได้ตามต้องการ ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นก็มีให้ครับจากพื้นฐานในรุ่น D และแบบเต็มระบบในรุ่น X ขึ้นไป นอกจากนี้ยังอับเดทให้จดจำการปรับตั้งค่าครั้งสุดท้าย เช่น การเปิด-ปิดระบบ ช่วยเหลือการขับขี่ แต่ว่าโหมดการขับขี่ยังคงเป็นโหมด Eco และการหน่วงความเร็ว (KERS) ระดับ 3 เป็นค่าเริ่มต้นเสมอ และในรุ่นใหม่นี้ขยายที่วางแก้วน้ำข้างประตูให้ใหญ่ขึ้น ติดตั้งมือจับภายใน และมีใบปัดฝนกระจกหลังมาให้เรียบร้อยแล้ว
 

มาถึงรุ่น XPOWER AWD ที่นับเป็น Performance ประจำรุ่น มาพร้อมมอเตอร์คู่หน้า-หลังกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 KW) กับแรงบิด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กม. NEDC ราคา 1,119,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น V 230,000 บาท) ภายนอกสีเขียว WILD HUNTER GREEN / BLACK TOP​ (มีสีเดียว) สเกิร์ตหน้าเป็นสีดำเงา กาบข้างประตูลายสปอร์ต ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง Brigdestone turanza ev ขาดแค่หน้าจอกลางที่ยังเป็นขนาด 10 นิ้ว เหือนเดิมจากรุ่นก่อนหน้า

ขับสนุกทั้งคู่ แต่ XPOWER เดือดจัด!
 

การทดสอบ MG4 ทั้ง 2 รุ่นนี้ ได้สัมผัสกันครบ ๆ ทั้งรุ่นประกอบไทยพลังมอเตอร์เดี่ยวขับหลัง 170 แรงม้า 250 นิวตันเมตร ที่สเปคคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และรุ่น XPOWER มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ระดับ 435 แรงม้า 600 นิวตันเมตร ซึ่งส่วนตัวเองนั้นได้สัมผัส XPOWER มาก่อนหน้านี้เป็นเวลา 3 วันแล้ว ทั้งการขับขี่ใช้งานทั่วไป ทั้งทดสอบอัตราเร่งและขับที่ความเร็วสูง ๆ บอกเลย...มันสุด ๆ แรงตรงปก 400 กว่าม้า
 
MG4 XPOWER AWD แรงสะใจ ช่วงล่างแน่น
MG4 XPOWER AWD ยอมรับเลยว่าสมรรถนะเทียบเท่ารถสปอร์ตแรง ๆ สบาย ๆ อัตราเร่งออกตัวแทบจะกระโดดออก และทำความเร่งเร่งไปไปอย่างต่อเนื่องแทบไม่มีอาการ "ห้อย-แรงตก" ให้รู้สึกเลยแม้จะใช้ความเร็วสูง ๆ แล้วก็ตาม ก็ยังเติมคันเร่งได้ทันใจมาก ๆ แม้จะเร่งจากความเร็วสูง ๆ ที่ 100 กม./ชม. ขึ้นไปก็ยังสามารถทำอัตราเร่งได้ทันใจ
 

การใช้โหมดต่าง ๆ มีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยหรืออาจจะไม่เคยลองขับมาก่อน ให้ค่อย ๆ ทำความคุ้มเคยกับการเร่ง แนะนำให้เริ่มด้วยโหมด "ECO" ก่อน เพิ่มเรียนรู้พลังในการกระชาก ซึ่งโหมด ECO นี้จะปรับการตอบสนองคันเร่งให้หน่วง ๆ เล็กน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าจุ่มคันเร่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย รถก็จะตอบสนองไวขึ้นและให้ความกระชับกระเฉิงสั่งได้ตามเท้า นับว่าใกล้เคียงกับโหมด Normal มาก ๆ โหมดนี้จะทำให้ประหยัดไฟเพิ่มขึ้น โดยดูได้จากระยะทางที่วิ่งได้จะเพิ่มจากโหมด Normal ราว ๆ 30- 40 กม.  และจะใช้ระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อหลังเป็นหลัก เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ถ้าต้องการอัตราเร่งแซงก็แค่ "กดคันเร่งเพิ่ม" เท่านั้น รถก็พร้อมจะตะกาย 4 ล้อเร่งได้ทันใจปลอดภัยไม่แตกต่างจากโหมดอื่น ๆ เลย และด้วยความเป้นขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีชุดขับเคลื่อนด้านหน้าจึงทำให้รัศมีวงเลี้ยวกว้างกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย
 
โหมด "Normal" จะถูกตั้งเป็นค่าโรงงานเมื่อติดระบบทุกครั้ง ดังนั้นถ้าจะเริ่มจากโหมดนี้ก็ย่อมได้ โดยคันเร่งจะตอบสนองไวขึ้นแบบ "ปกติ" ของรถรุ่นนี้ แต่ก็ตอบสนองไวมาก ๆ เมื่อเทียบกับรถ่นปกติ เนื่องจากกำลังมอเตอร์ที่มีเหลือ ๆ พร้อมจะกระโจนออกตัวตลอดเวลา ในโหมดนี้จะเป็นการใช้พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังเป็นหลักเช่นกัน แต่จะมีการแปรผันระบบขับเคลื่อนล้อด้านหน้า
 

ในกรณีที่ใช้อัตราเร่งหรือรถเกิดอาการเสียหลัก เสียการควบคุมมอเตอร์ที่ล้ิหน้าก็จะทำงานผสานกันด้วย โดยเฉพาะเมื่อกดคันเร่งจมมิต เมื่อออกตัวไปสักระยะมอเตอร์หน้าจึงจะทำงาน ซึ่งจะมีอาการรอยต่อที่พอจะจับความรู้สึก ช่วงเร่งออกตัวล้อหลังจะปั่นจนเมื่อล้อเกือบจะหมุนฟรีหรือลื่นไถล มอเตอร์ด้านหน้าจะเริ่มทำงาน ตัวรถจะถูกดึง พวงมาลัยและหน้ารถก็จะนิ่งขึ้นและเร่งออกไปอย่างรวดเร็วไม่มีอาการล้อฟรีเลย สรุปคือ จะมีอาการเหมือนแรงดึง 2 จังหวะเบา ๆ คือ มอเตอร์ล้อหลังถีบตัวรถให้เร่งออกไปด้านหน้าจะลอย ๆ เบา ๆ และมอเตอร์ล้อหน้าทำงาน (ในเวลาเสี้ยววินาที) จะรับรู้เลยว่าล้อหน้ามีแรงมาดึงให้หน้ารถนิ่งขึ้นและเร่งความเร็วไปแบบนิ่ง ๆ เนียน ๆ

 
โหมด "SPORT" เน้นพลังและเป็นระบบ AWD ตลอดเวลา เพื่อความสนุก ให้พลังรวมแรงมากขึ้นไปอีก อัตราเร่งดีขึ้นและปลอดภัย แต่แลกกับระยะทางวิ่งที่ลดลงจากโหมด Normal ราว ๆ ๆ 30 - 40 กม. และก็ใช้พลังงานจากแบตฯ มากตามกำลังแรงม้า เมื่อดูบนมาตรวัดการใช้พลังงานอยู่ที่ 20 - 22 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม.  ซึ่งในโหมดนี้หรือว่ารถคันนี้อย่าไปคิดเรื่องประหยัดพลังงานเลยดีกว่าครับ เพราะว่ากำลังระดับ 400 กว่าแรงม้า ย่อยต้องใช้ไฟเยอะเป็นปกติ
 
โหมด "Custom" สามารถตั้งค่าการขับได้ละเอียดขึ้น เลือกโหมดขับขี่ต่าง ๆ เลือกน้ำหนักพวงมาลัย เบา/ปกติ/หนัก ได้ ส่วนตัวถ้าขับเร็ว ๆ พวงมาลัยหนักจะขับง่ายควบคุมดี ไม่เบาหวิวเกินไปในความเร็วสูง ๆ แต่ถ้าขับขี่ในเมืองบ่อย ๆ ใช้ปกติกำลังดีครับ เลี้ยวง่ายคล่องตัว อาจจะเบาหวิวบ้างในความเร็วสูงก็ต้องขับอย่างระมัดระวังมากขึ้น และถัดมาก็ปรับตั้งน้ำหนักแป้นเบรกได้ตามความถนัด และใน XPOWER ฟังก์ชั่น One-Paddle มาให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งขับได้ในคันเร่งเดียวและความหน่วงมากเป็นพอเศษจนถึงจุดหยุดนิ่ง
 
เพิ่มเติม Snow อีก 1 โหมดความจริงไม่ใช่ใช้ขับบนหิมะ เพียงแต่เป็นโหมดใช้ขับขี่ผ่านสภาพถนนเปียกลื่น อันตรายมาก ๆ พร้อมจะหลุดโค้งเสียหลักหรือล้อรถหมุนฟรีทิ้งตลอดเวลา เหมือนขับขี่บนถนนที่มีฝุ่นทราย โคลน หรือคราบลื่น ๆ ต่าง ๆ ที่ปกคลุมผิวถนนอยู่ การใช้โหมดนี้จะช่วยลดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าลง ทำให้การเคลื่อนตัวของรถไปได้ง่ายโดยระบบควบคุมล้อหมุนฟรีจะทำงานละเอียดรวดเร็วขึ้น เพื่อให้ประคองรถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย  ไม่ว่าผู้ขับจะกดคันเร่งมากเท่าไหร่ระบบก็จะตัดกำลังให้เหมาะสมกับสภาพผิวถนนนั้นอัตโนมัติครับ
 
ระบบการ Regenerator ทั้ง 2 รุ่นจะตั้งเป็นระดับ 3 คือหน่วงสุดเอาไว้ทุกครั้งที่เริ่มสตาร์ทระบบ แต่สามารถปรับเองได้โดยการปัดหน้าจดกลางลง-ไปเลือกที่ "KERS" 1-2-3 ซึ่งระดับความหน่วง 3 นั้น นับว่าช่วยชะลอค่อนข้างมากหน่อย เหมือนการแตะเบรก แนะนำให้ใช้ระดับ 2 กำลังดีครับจะหน่วยเบา ๆ ลงกว่า แต่ถ้าอยากได้ฟิลใกล้เคียงรถยนต์สันดาปก็ไประดับ 1 เลยครับ

 
MG4 X Standard Range ขับสนุกสะดวกสบายกำลังดี
MG4 X เป็นรุ่นที่ทุกอย่างคงเดิมทั้งสมรรถนะ สเปคต่าง ๆ รวมแล้วเท่ากับรุ่นก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่ามีการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนและอุปกรณืบางส่วนเพิ่มเติม เช่น หน้าจอกลางสัมผัสใหม่ 12 นิ้ว ที่วางแก้วน้ำขนาดใหญ่ขึ้นใส่แก้วใหญ่ยอดฮิตได้แล้ว ซึ่งสมรรถนะต่าง ๆ นั้นยังขับสนุกและช่วงล่างเกาะถนนได้ดีเช่นเดิม แต่เมื่อเทียบกับรุ่น Xpower ช่วงล่างจะนุ่มนวลมากกว่า เ้นขับขี่สบายแต่ก็ยังพอจะ "ซิ่ง" ได้อยู่บ้างจากพื้นฐานอิสระ 4 ล้อ
 
พละกำลัง 170 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC นับว่าใช้งานเพียงในชีวิตประจำวัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ราว ๆ 8 วินาที และระยะทางใช้จริงประมาณ 250 - 280 กม. จาก 423 กม. ต่อชาร์จ ใช้ในเมืองเป็นหลักได้สบาย ยิ่งที่เครื่องชาร์จที่บ้านก็กลับมาเสียบไฟก่อนนอนได้เลย

 
โหมดการขับขี่มีครบ 4 แบบ เช่นเดียวกับ Xpower  โดยเฉพาะโหมด Custom ที่ตั้งค่าได้เหมือนกัน แต่ยังไม่มีระบบ One-Paddle และระบบหน่วงความเร็ว KERS ก็มี 3 ระดับ และทุกครั้งที่ดับเครื่องและติดใหม่จะตั้งระดับ 3 เป็นค่าเริ่มต้นเช่นกัน ส่วนการตั้งค่าระบบช่วยเหลือการขับขี่นั้น มีระบบจำค่าล่าสุดเรียบร้อย ไม่ต้องมาคอยเปิดปิดระบบใหม่ทุกครั้งเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
 
สมรรถนะเกินพอใช้งานอัตราเร่งดีทั้งต้นและปลาย ให้ความรู้คล้ายกับเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ 2.0 - 2.5 ลิตร แต่ไม่ต้องรอรอบ เหยียบคันเร่งปุ๊บมาปั๊บทันใจมาก และขอเน้นย้ำว่า....ควรปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับคันเร่งระบบเบรกให้มั่นใจก่อนจะลองใช้อัตราเร่งกับความเร็ว แม้ว่ากำลังจะไม่แรงเท่าตัว Performance แต่แรงบิดระดับ 250 นิวตันเมตร ก็ถือว่าหากไม่ได้บ่อย ๆ ในรถยนต์สันดาปทั่วไป
 
ช่วงล่างแตกต่างอย่างมั่นใจ
 

XPOWER AWD
ช่วงล่างของทั้ง 2 รุ่นนี้มีความคาเร็คเตอร์แตกต่างชัดเจนเริ่มที่ XPOWER นับว่าหนึบแน่น ตึงมือที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกัน เพราะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ามาเสริม การขับขี่ในความเร็วทั่วไปนั้น กระชับมือ ควบคุมง่าย มั่นใจ ยิ่งปรับน้ำหนักพวงมาลัยในให้หนักขึ้นยิ่งมั่นใจในความเร็วสูง ๆ การเข้าโค้งที่ความไม่เกิน 100 - 120 กม./ชม. นับว่าสบาย ๆ เลยครับ มีอาการแกว่งหรือโยนตัวน้อยมาก แต่เมื่อใช้ความเร็วสูง ๆ ขึ้นไปกว่านั้นมาก ๆ ก็จะเริ่มโครงและโยนตัวมากขึ้น ซึ่งก็ยังพอที่จะควบคุมได้ได้ระดับหนึ่ง

ในช่วงการเร่งออกตัวหรือกำลังจะเร่งแซงแบบกดคันเร่งสุดนั้น หากเป็นทางตรง ๆ นับว่าช่วงล่างเอาอยู่สบาย ๆ แต่ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนเลนหรือว่าเลี้ยวโค้งนั้น ช่วงล่างยังมีอาการหน้าลอย ๆ นิด ๆ ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นจังหวะที่ผู้ขับขี่จะต้องเข้าใจในกำลังและสมรรถนะของตัวรถว่าการเร่งแรง ๆ นั้น จะต้องไม่อยู่ในลักษณะ หักเลี้ยว เข้าโค้งแคบ ๆ หรือว่าเปลี่ยนช่องทางกระทันหัน แม้ว่าจะมีระบบควบคุมการทรงตัว ฯลฯ มาให้ แต่ด้วยความแรงอาจทำให้เกิดอันตรายได้ครับ.......แนะนำว่าขับให้คุ้นเคยกับอัตราเร่ง-พวงมาลัย-ระบบเบรก และช่วงล่างจนเข้าใจธรรมชาติของรถก่อนจึงค่อยใช้ความเร็วสูง ๆ นะครับ...เตือนแล้วนะ!!!!
 

เบรกเอาไม่อยู่?
ระบบเบรกที่หลายคนเคยเห็นการทดสอบในสนามบ้าง ฯลฯ บ้าง จนรู้สึกว่า "เบรกไม่ดีเอาไม่อยู่???" ขออธิบายก่อน....MG4 XPOWER AWD เกิดมาเป็น ใช้งานทั่วไปแบบ "รถบ้าน ๆ" นั่นแหละครับ เพียงแต่ว่ามีการปรับปรุงระบบขับเคลื่อนและความแรงที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มจากเดิมหลายเท่าอยู่) ซึ่งรวมถีงการปรับปรุงช่วงล่างและระบบเบรกด้วย โดยเฉพาะการขยาย จานเบรกหน้าหลังให้ใหญ่ขึ้นหน้า (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 340-345 มม.) คาร์ลิเปอร์ ใหญ่ขึ้น ผ้าเบรกใหญ่ขึ้นและคุณภาพดีขึ้นเพื่อให้เบรกได้ดีขึ้น....

 
เมื่อนำไปลงสนามแข่งโดยเฉพาะ "พีระเซอร์กิต" ที่มีโค้งแคบสลับกันไป การขับต้องใช้การเร่งความเร็วและเบรกตลอดเวลา ทำให้มีความร้อนสะสมมาก แม้จานเบรกจะขนาดใหญ่แล้วก็ตาม แต่ส่วนของ "ผ้าเบรก" ที่เป็นเกรด Standard ใช้งานทั่วไปบนถนน ไม่ออกแบบให้ทนความร้อนสูง ๆ จึงทำให้ผ้าเบรก "ไหม้-เฟด-และเบรกไม่อยู่นั่นเอง" ผมคิดว่าการลองในสนามเป็นการทดสอบในระดับที่ต้องรู้ลิมิตของรถด้วยว่า ทำความเร็วหรือการเบรกได้สุดแค่ไหนอย่างไร เพราะรถผลิตออกมาเน้นใช้งานบนถนนทั่วไป ไม่ได้ผลิตมาเพื่อลงแข่งขัน!
 

ซึ่งในการลงสนามนั้น MG4 XPOWER AWD ก็พิสูจน์ได้ในเรื่องของช่วงล่างว่าขับในสนามทำความเร็วในโค้งต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงรถที่ใช้ในการแข่งขันทั่วไป ๆ ที่ขับในสนามเดียวกัน (จากประสบการณ์อดีตนักแข่งของคุณแอมป์ ปรม แห่ง Carzanova ได้บอกไว้)  ดังนั้นสรุปได้ว่าถ้าจะขับ Xpower ลงสนามแข่งจำเป็นต้องอับเกรดผ้าเบรกใหม่ให้ใช้ในการแข่งขัน รวมถึงถ้าปรับปรุงช่วงล่างอีกนิดก็สามารถทำความเร็วต่อรอบได้พอ ๆ กับรถแข่งจริง ๆ ก็เป็นได้ครับ พลังเหลือ ๆ 400 กว่าม้าปรับแต่งโช้ค เบรก อีกนิดก็ขับในสนามมันแน่ ๆ
 
กลับมาที่การทดสอบเบรกจริงเมื่อขับบนท้องถนนด้วยการเร่งความเร็วขึ้นและเบรกแรง ๆ อย่างรวดเร็ว ทำได้ดีรถชะลอและหยุดได้ทันใจ ตัวรถไม่มีอาการส่ายหรือเป้ ควบคุมง่ายและค่อนข้างนิ่ง แต่อาจจะต้องใช้น้ำหนักเท้าเพิ่มขึ้นเมื่อต้องเบรกอย่างรุนแรง  ขอสรุปว่า ใช้บนถนนทั่วไปมั่นใจสบายหายห่วงครับ
 
MG4 X Standard Range
ช่วงล่างรุ่นธรรมดานี้นับว่าเน้นความนุ่มนวลสะดวกสบายในการเดินทาง จึงจะให้ความนุ่มนวลกว่า การเลี้ยว เข้าโค้ง ตอบสนองดีและแม่นยำกระชับมือ ได้ฟิวลิ่งขับเคลื่อนล้อหลัง โดยเฉพาะเมื่อเร่งออกตัวแรง ๆ จะมีอาการดิ้น ๆ เบา ๆ ให้รู้สึกสนุกสนาน และในความเร็วสูง ๆ ไม่เกิน 120 - 130 กม./ชม. ก็นับว่าเข้าโค้งได้ดี เกาะถนน แต่จะมีบางจังหวะที่รถมีอาการลอย ๆ แกว่ง ๆ บ้างในการเข้าโค้งแรงหรือเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็ว
 
จุดที่น่าสนใจคือ ด้วยความที่เป็นรถที่ขับง่ายพละกำลังไม่มากจนเกินไป ไม่ต้องปรับตัวเยอะ และมีรัศมีเลี้ยวที่แคบกว่า Xpower ให้ความคล่องตัวมากกว่าในการขับขี่ถนนเล็ก ๆ หรือการกลับรถ ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลกว่านั่งสบาย แต่ก็ยังเกาะถนนอยู่ ทำให้น่าจะเหมาะกับการใช้งานประจำวันสำหรับคนที่เน้นความสบาย   
 
 
สรุปความคุ้มค่าใครเหมาะรุ่นไหน

MG4 XPWER AWD เหมาะกับผู้ชอบความแรง อัตราเร่งจัดจ้านราว ๆ กับซูเปอร์คาร์ในราคาเอื้อมถึง และชอบการขับขี่สไตล์เรซซิ่งที่มีช่วงล่างแข็ง ๆ ตึง ๆ และอาจจะใช้งานบางครั้งไม่บ่อยนัก บางครั้งอาจมีเวลาวันเอาไปลองขับเล่นในสนามปิด เพื่อความเร้าใจ ปรับปรุงระบบช่วงล่างและเบรกอีกเล็กน้อยก็ขับสนุกขึ้นหรืออาจขับขี่ในระยะทางต่อวันไม่มากนัก ถือว่าเป็นรถที่ราคา 1,119,900 บาท แต่ได้ระดับควาแรง 400 กว่าม้ามาควบเล่นสบาย ๆ เลย
 

MG4 X Standard Range เหมาะกับครอบครัวใช้งานในทุก ๆ วัน รับส่งบุตรหลาน จอดรถรับลูกหรือซื้อของไม่ต้องดับเครื่อง สมรรถนะโดดเด่นระดับหัวแถวของรถยนต์ไฟฟ้าระดับเดียวกัน ช่วงล่างกำลังดีหนึบและนุ่มขับได้ทุกวันสบายรวมถึงจอกลางใหม่ใหญ่ขึ้นรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ที่ใช้งานได้หลากหลายและสะดวกกว่าเดิม กับค่าตัว 809,900 บาทเท่านั้น
 

ใครสนใจต้องไปลองขับ จับ สัมผัส รถจริง ๆ ได้ที่โขว์รูม MG ทั่วประเทศให้มั่นใจการตัดสิ้นใจซื้อ ชอบรุ่นไหนจัดรุ่นนั้นเลยครับ และต้องขอขอบคุณสถานที่สวย ๆ ในการถ่ายทำ FULL FUNCTION เกษตรนวมินทร์ บริการรถยนต์พรีเมี่ยม ซูเปอร์คาร์ครบวงจร

 
























































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า