ขนาดและรูปร่างท่อลมร้อนยอดนิยมในโรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกขนาดและรูปร่างของท่อลมร้อนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบระบายอากาศหรือปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการไหลของอากาศที่เหมาะสม และประหยัดพลังงาน โดยทั่วไปแล้ว มีขนาดและรูปร่างที่นิยมใช้ดังนี้
รูปร่างของท่อลมร้อน
ท่อลมกลม (Round Duct):
ข้อดี: มีประสิทธิภาพในการไหลของอากาศดีที่สุด เนื่องจากมีพื้นที่ผิวสัมผัสน้อย ทำให้แรงเสียดทานของอากาศต่ำ
ข้อเสีย: ผลิตและติดตั้งยากกว่าท่อลมเหลี่ยม โดยเฉพาะท่อขนาดใหญ่
การใช้งาน: เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการประสิทธิภาพการไหลของอากาศสูง เช่น ระบบระบายอากาศในโรงงานที่มีการผลิตความร้อนหรือควันจำนวนมาก
ท่อลมเหลี่ยม (Rectangular Duct):
ข้อดี: ผลิตและติดตั้งได้ง่ายกว่าท่อลมกลม โดยเฉพาะในพื้นที่จำกัด สามารถปรับขนาดให้เข้ากับพื้นที่ได้ง่าย
ข้อเสีย: มีประสิทธิภาพในการไหลของอากาศต่ำกว่าท่อลมกลม เนื่องจากมีพื้นที่ผิวสัมผัสมากกว่า ทำให้แรงเสียดทานของอากาศสูงกว่า
การใช้งาน: เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการความยืดหยุ่นในการออกแบบ และมีพื้นที่ติดตั้งจำกัด เช่น ระบบปรับอากาศในอาคารสำนักงาน หรือโรงงานที่มีโครงสร้างซับซ้อน
ท่อลมรูปไข่ (Oval Duct):
ข้อดี: เป็นการผสมผสานระหว่างท่อลมกลมและท่อลมเหลี่ยม มีประสิทธิภาพในการไหลของอากาศดีกว่าท่อลมเหลี่ยม และติดตั้งได้ง่ายกว่าท่อลมกลมในบางกรณี
ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าท่อลมกลมและท่อลมเหลี่ยม
การใช้งาน: เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการประสิทธิภาพการไหลของอากาศที่ดี แต่มีพื้นที่ติดตั้งจำกัด
ขนาดของท่อลมร้อน
ขนาดของท่อลมร้อนจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่
ปริมาณอากาศที่ต้องการ (Airflow Rate): ปริมาณอากาศที่ต้องลำเลียงผ่านท่อลมร้อนในหน่วยเวลา (เช่น ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือ CFM)
ความเร็วลม (Air Velocity): ความเร็วของอากาศที่ไหลผ่านท่อลมร้อน (เมตรต่อวินาที หรือ ฟุตต่อนาที)
แรงดัน (Pressure): แรงดันที่ใช้ในการดันอากาศผ่านท่อลมร้อน (ปาสคาล หรือ นิ้วของน้ำ)
ระยะทาง (Distance): ระยะทางที่อากาศต้องเดินทางผ่านท่อลมร้อน
โดยทั่วไปแล้ว ขนาดของท่อลมร้อนจะถูกคำนวณโดยวิศวกร เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณอากาศที่ต้องการ ความเร็วลมที่เหมาะสม และแรงดันที่ยอมรับได้ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงาน
ข้อควรจำ:
ท่อลมขนาดใหญ่ จะสามารถลำเลียงอากาศได้มากขึ้น แต่ก็มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมาก
ท่อลมขนาดเล็ก จะมีขนาดกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบา แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณอากาศที่สามารถลำเลียงได้
การเลือกขนาดและรูปร่างของท่อลมร้อนที่เหมาะสม จะช่วยให้ระบบระบายอากาศหรือปรับอากาศในโรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนาน