โรคความดันโลหิตสูง…ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้ามโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ส่วนมากมักไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายอาจมีอาการเตือน เช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียน ปวดศีรษะตุบๆ หากเป็นมานาน หรือความดันโลหิตสูงมากๆ อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล ตามัว ใจสั่น มือเท้าชา ฯลฯ ซึ่งผู้ป่วยต้องรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที
ค่าความดันโลหิตแบบไหน? ที่เรียกว่า ‘สูง’
การจำแนกความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูงในผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป
Category SBP (มม.ปรอท) DBP (มม.ปรอท)
Optimal < 120 และ < 80
Normal 120 – 129 และ/หรือ 80 – 84
High Normal 130 – 139 และ/หรือ 85 – 89
Hypertension ระดับ 1 140 – 159 และ/หรือ 90 – 99
Hypertension ระดับ 2 160 – 179 และ/หรือ 100 – 109
Hypertension ระดับ 3 ≥ 180 และ/หรือ ≥ 110
Isolated Systolic Hypertension (ISH) ≥ 140 และ < 90
วิธีการวัดความดันโลหิตที่ถูกต้อง
ไม่ดื่มชาหรือกาแฟ และไม่สูบบุหรี่ ก่อนทำการวัดความดันโลหิตอย่างน้อย 30 นาที
หากมีอาการปวดปัสสาวะควรแนะนำให้ไปปัสสาวะก่อน
ให้นั่งพักบนเก้าอี้ในห้อง ที่เงียบสงบเป็นเวลา 5 นาที
หลังพิงพนักเพื่อไม่ต้องเกร็งหลัง เท้า 2 ข้างวางราบกับพื้น ห้ามนั่งไขว่ ห้าง ไม่พูดคุยทั้งก่อนหน้าและขณะวัดความดันโลหิต
วางแขนซ้ายหรือขวาที่จะทำการวัดอยู่บนโต๊ะ โดยให้บริเวณที่จะพัน Arm Cuff อยู่ระดับเดียวกับระดับหัวใจ และไม่เกร็งแขนหรือกำมือในขณะ ทำการวัดความดันโลหิต
วิธีวัดความดันโลหิตให้ถูกต้อง
การรักษาความดันโลหิตสูง
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ให้ยาลดความดันโลหิต
ปรับพฤติกรรมลดเสี่ยงความดัน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดความดันโลหิตสูง
ลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
ปรับรูปแบบของการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ
จำกัดปริมาณเกลือและโซเดียมในอาหาร
เพิ่มกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
จำกัดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เลิกบุหรี่
ลดความเสี่ยง NCDs ปรับพฤติกรรม
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ใช้หลัก ‘3อ 2ส 1ฟ’
3อ คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์
2ส คือ ไม่สูบบุหรี่และลดการดื่มสุรา
1ฟ คือ สุขภาพช่องปากและฟัน