บ้านในมุมมองของผู้อ่าน เป็นเช่นไรกันบ้างครับ สำหรับผู้เขียนเอง บ้าน ควรเป็นสถานที่พักผ่อน พักทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นสถานที่ ที่เราอยากจะอยู่อาศัยทุก ๆ วัน คงไม่ดีแน่หากบ้านต้องคอยดูแลอย่างหนัก แทนที่วันหยุดสุดสัปดาห์จะได้พักกลับต้องเช็ดทำความสะอาด จัดระเบียบบ้านตลอดทั้งวัน จนแทบจะไม่มีเวลาได้พักเลย หากเป็นเช่นนี้บ้านคงไม่ใช่สถานที่พักผ่อนอีกต่อไป แต่กลับเป็นสถานที่ ที่กลายเป็นภาระอันหนักอึ้ง จึงขอหยิบยก 10 คำแนะนำที่ได้จากทีมออกแบบ สถาปนิกปันแปลนมาฝากกันครับ
1. สวนดูแลง่าย
การจัดสวนเป็นสิ่งที่ทุก ๆ บ้านควรต้องมี สวนช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านอยู่สบาย ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ ยิ่งหากมีพื้นที่พอเหมาะที่จะสามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ ก็ควรปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงาให้กับบ้าน นอกจากจะสบายตา สบายใจแล้ว ยังสบายกายเพราะบ้านของเราจะเย็นขึ้นในแบบที่สัมผัสได้ทันที..ที่เริ่มปลูก
แต่การจัดสวนก็ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน หากผู้อ่านเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลบ้าน สวนสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่ายเป็นคำตอบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิต ลดพื้นที่การปลูกหญ้าเพียงน้อย ๆ เน้นเลือกพันธุ์ไม้ที่ใบร่วงยาก ต้องการน้ำน้อย อาทิ ต้นจั๋ง, พวงชมพู, เข็ม, โกสน, เฟื่องฟ้า,ศุภโชค,ชวนชม, อากาเว่, สับปะรดสี ฯลฯ หรืออาจทำการติดตั้งระบบน้ำอัตโนมัติ ต้นไม้รอบ ๆ บ้านจะได้สดชื่นตลอดเวลา และหากไม่ไหวที่จะดูแลแล้วจริง ๆ การเลือกปูหญ้าเทียมแม้จะไม่ได้ความสดชื่นเท่าหญ้าจริง แต่ยังดีที่ได้พื้นที่สีเขียว ช่วยให้บ้านดูสดใสน่าอยู่ พร้อมกับไม่ต้องดูแลให้เหนื่อยกายมากครับ
2. แยกโซนเปียกแห้ง (ห้องน้ำ)
การทำความสะอาดห้องน้ำ นับเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของหลาย ๆ บ้าน ไหนจะต้องขัดเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า, ขัดพื้น, เช็ดกระจก หมดเวลาไปกับการขัดถูแต่ละครั้ง นานกว่าชั่วโมง หากเรานำปัญหาเหล่านี้มาพิจารณาถึงสาเหตุกันให้ดี ๆ จะทราบว่า คราบสกปรกของห้องน้ำเกิดจากความเปียกชื้น สะสมก่อตัวเป็นคราบอันไม่พึงประสงค์ วิธีแก้ที่ถูกต้องนั่นคือ การจำกัดขอบเขตของพื้นที่เปียกชื้น เพื่อลดการทำความสะอาดไปได้
โดยทำการแยกโซนเปียกแห้งอย่างชัดเจน จุดที่มีผลต่อคราบสกปรกมากที่สุดคือโซนอาบน้ำ ควรมีตู้อาบน้ำหรือฉากกั้นที่สามารถป้องกันน้ำกระเซ็นออกได้ ย้ำว่าต้องมีการปิดกั้นเท่านั้นนะครับ หากทำเพียงแค่ผนังกั้นยังไม่สามารถปิดได้ทั้งหมด แนะนำให้มีประตูกระจกปิดกั้นเท่านั้น รับรองได้ว่า คุ้มค่า ช่วยเบาแรงไปได้เยอะเลย
3. เก็บเข้าตู้ (ห้องน้ำ)
ของใช้ภายในห้องน้ำ ทั้งครีมอาบน้ำ, ยาสระผม, ยาสีฟัน, และสาระพัดครีมบำรุงผิว หลายบ้านเลือกที่จะวางเรียงรายบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ แต่ไม่สะดวกต่อการดูแลรักษา เมื่อจะเช็ดคราบสกปรกที่อ่าง จำต้องยกขวดเหล่านี้ออกก่อน นอกจากนี้ยังต้องเช็ดทำความสะอาดก้นขวดกันยกใหญ่ เพราะหากวางไว้บนอ่างล้างหน้า แน่นอนว่าขวดย่อมโดนน้ำ และก่อตัวเป็นคราบสกปรกในที่สุด
แนะนำให้หาตู้เก็บโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีจำหน่ายเยอะมากครับ ไม่เปลืองพื้นที่ด้วยเพราะสามารถแขวนติดผนังได้อย่างสะดวก เมื่อไหร่ที่ต้องการใช้ครีมเหล่านี้ เพียงแค่หยิบมาใช้จากตู้ และเมื่อใช้เสร็จแล้วเก็บเข้าตู้ทุก ๆ ครั้ง เพียงเท่านี้อ่างล้างหน้าก็จะสะอาดตาอยู่เสมอ ลดกระบวนการเช็ดถูได้เป็นอย่างดี แถมไม่ต้องสิ้นเปลืองกับการออกแบบเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่อีกด้วยครับ
4. วัสดุดูแลง่าย
วัสดุแต่ละประเภท เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกวัสดุตกแต่งผิวในแต่ละส่วนของบ้าน นอกจากความสวยงามแล้ว การดูแลรักษาภายหลังยังเป็นส่วนสำคัญที่ควรนำมาใช้ในการพิจารณาอย่างรอบคอบ
พื้นบ้าน บริเวณที่เลอะบ่อยครั้ง ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว เหมาะกับการปูกระเบื้องเซรามิกมากกว่าพื้นไม้ หรือพื้นปูนขัดมัน
ผนังห้องน้ำ ควรกรุวัสดุกระเบื้องเซรามิกหรือโมเสก เพื่อการทำความสะอาดที่ง่าย
ผนังครัว (ส่วนปรุงอาหาร) ควรเลือกวัสดุประเภทเซรามิก สแตนเลส ช่วยให้เช็ดถูคราบสกปรกได้โดยง่าย
ผนังกระจก หรือส่วนใด ๆ ที่ใช้วัสดุกระจกและโดนน้ำบ่อยครั้ง ควรเคลือบสารเคลือบกระจก ช่วยลดการเกาะของคราบน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดคราบสกปรก
โซฟา หากงบมากพอ แนะนำให้เลือกวัสดุหนังแท้ สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่าวัสดุประเภทผ้า ส่วนผ้านอกจากจะทำความสะอาดยากแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่นอีกด้วยครับ
ประตู หน้าต่าง หากให้ดูแลง่ายระยะยาวเลือกแบบอลูมิเนียม, ไวนิล จะมีปัญหาน้อยกว่างานไม้ เว้นแต่ผู้อ่านอยากได้ประตูหน้าต่างไม้ เพื่อดีไซน์และอารมณ์ของบ้านครับ
5. มีห้องเก็บของ ระบุตำแหน่งของใช้ชัดเจน
อาจเป็นห้องที่ไม่คุ้นชินสำหรับคนไทยเรานัก แต่สำหรับบ้านในยุโรป เกือบทุก ๆ บ้านจะมีห้องเก็บของโดยเฉพาะ ช่วยให้สามารถจัดการกับของใช้ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยนักได้อย่างอยู่หมัด การออกแบบห้องเก็บของนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก แต่จำเป็นต้องลงทุนทำชั้นวางติดผนัง เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่แนวตั้งได้อย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้ผู้อ่านเคยอ่านหนังสือ “ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว” ในเนื้อหาจะมีหนึ่งบทได้แนะนำไว้ว่า ของใช้ทุก ๆ ชิ้นภายในบ้าน ควรมีที่อยู่ประจำจะช่วยให้การจัดบ้านเป็นไปอย่างสะดวกและง่ายขึ้นมาก เพราะต้นเหตุของบ้านรกส่วนใหญ่แล้ว เกิดจากการไม่มีพื้นที่จัดเก็บ และการจัดไม่เป็นที่ก็อาจส่งผลให้จำเป็นต้องรื้อข้าวของบ่อยครั้ง แต่หากของใช้ทุก ๆ ชิ้นมีที่จัดเก็บประจำ เมื่อนำออกมาใช้ ใช้เสร็จแล้วเราจะทราบได้ทันทีว่าต้องจัดเก็บไว้ที่ไหน เป็นวิธีการที่ลองนำมาใช้แล้ว ได้ผลดีมากครับ
6. ใช้พื้นที่แนวตั้ง
เกริ่นไว้ตั้งแต่ข้อที่ผ่านมา สำหรับการใช้พื้นที่แนวตั้ง แต่ไม่เพียงแค่ห้องเก็บของเท่านั้นนะครับ สำหรับบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนัก ทุก ๆ ห้องของบ้านสามารถออกแบบที่จัดเก็บในแนวตั้งได้ อาจด้วยวิธีการออกแบบ Built-in , ชั้นวางติดผนัง หรือตู้ลอยติดผนัง ลองสำรวจกันดูว่า ยังมีของใช้ภายในบ้านชิ้นไหนที่ยังไม่มีที่อยู่ประจำ หากพื้นที่ใช้สอยไม่เพียงพอ ลองนำไอเดียแนวตั้งไปใช้งาน รับรองว่า บ้านของเราจะดูกว้างขึ้นอีกเยอะครับ
7. ตำแหน่งปลั๊กเพียงพอ
เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอที มีบทบาทสำคัญไม่น้อยกับการใช้ชีวิตยุคปัจจุบัน สำหรับบ้านที่ออกแบบตำแหน่งปลั๊กไฟไว้น้อย ปัญหาที่พบคือการลากสายปลั๊กพ่วง เป็นผลให้การใช้งานไม่สะดวก ดูรกสายตา แถมยังอันตรายอีกด้วยครับ เพราะการจ่ายกระแสไฟผ่านปลั๊กพ่วงนั้นไม่เสถียรเท่ากับการต่อปลั๊กไฟบ้านโดยตรง
การออกแบบตำแหน่งไฟที่ดี แนะนำให้คิดตามหลักที่จะใช้งานจริงและคิดเผื่อกรณีที่ต้องเคลื่อนย้ายตำแหน่งใหม่ ตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่มักลืมติดตั้งปลั๊ก อาทิ ห้องน้ำ (สำหรับไดร์เป่าผม), โรงจอดรถหรือหน้าบ้าน, หัวเตียงนอน, บริเวณสนามรอบบ้าน (กรณีใช้เครื่องตัดหญ้า) หรือแม้แต่ตำแหน่งทีวี หลาย ๆ บ้านก็ออกแบบไว้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งหากนำมาคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว แต่ละจุดมีต้นทุนเพิ่มมาเพียง 300-500 บาทเท่านั้น แต่ต้องใช้ไปตลอดหลายสิบปี มีไว้เหลือย่อมดีกว่าขาดครับ
8. ห้องตากผ้า
ออกแบบบ้านมาสวยแค่ไหน หากมีราวผ้าตากไว้หน้าบ้าน บ้านหลังดังกล่าวย่อมถูกลดความสวยงามไปโดยทันที บ้านที่ดีควรมีห้องสำหรับตากผ้าไว้โดยเฉพาะ ซึ่งเพิ่มงบก่อสร้างไม่มากเลยครับ เพียงแค่มีพื้นที่ประมาณ 1.5×3 เมตร เน้นออกแบบให้โปร่งลม แสงเข้าถึง อาจเลือกใช้ระแนงไม้หรืออิฐบล็อกช่องลม นอกจากจะช่วยให้บ้านดูสวยงามเป็นระเบียบอยู่เสมอแล้ว หากมีฝนตกลงมา ผ้าไม่เปียกชื้นอีกด้วยครับ
ห้องตากผ้าที่ดีควรอยู่ในทิศตะวันตก และทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศที่มีแสงแดดร้อนในยามบ่าย พร้อมกับลมพัดโชยเกือบทั้งปี ช่วยให้ผ้าแห้งไว อีกทั้งห้องดังกล่าวยังเป็นเกราะป้องกันความร้อนให้กับห้องอื่น ๆ ภายในบ้านอีกด้วยครับ
9. ผนังบ้านเรียบร้อย
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศร้อนชื้น บ้านไหนทนอากาศร้อนไม่ไหวย่อมหนีไม่พ้นการติดแอร์ แต่หลาย ๆ บ้านไม่ได้เตรียมพื้นที่ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ไว้ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ ช่างแอร์จึงเลือกยึดเกาะคอมเพรสเซอร์ไว้กับผนัง ซึ่งสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เป็นผลให้ผนังนอกบ้านดูไม่งามตา
การออกแบบบ้านยุคใหม่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีตำแหน่งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้เสมอ โดยเฉพาะตำแหน่งห้องนั่งเล่น, ห้องทำงาน, ห้องนอน เป็น 3 ห้องที่มีอัตราการติดแอร์มากที่สุด เพราะฉนั้นหากต้องการออกแบบบ้านใหม่ อย่าลืมให้สถาปนิกดีไซน์พื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ บ้านของเราจะได้ดูสวยงามอยู่เสมอครับ
10. ลดซอกหลืบ
ปิดท้ายกันด้วยซอกเล็ก ๆ ในจุดต่าง ๆ ของบ้าน ซึ่งเจ้าซอกเล็กซอกน้อยมักเป็นปัญหาที่ทำให้การดูแลบ้านทำได้ยาก หากออกแบบให้มีซอกต่าง ๆ ลดน้อยลงไป บ้านของเราจะสวยสะอาดตาและทำความสะอาดได้ง่าย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ซอกเหล็กดัด ควรออกแบบให้มีลวดลายที่น้อย
ซอกบนตู้เสื้อผ้า ซอกบนตู้เสื้อผ้า หรือตู้ต่าง ๆ เป็นแหล่งเก็บฝุ่นที่กำจัดได้ยาก หากเป็นไปได้ควรออกแบบเป็น Built-in ชิดฝ้าเพดาน
ซอกใต้เตียง สำหรับท่านที่ชอบเตียงโปร่ง ใต้เตียงโล่ง ควรเลือกเตียงที่มีพื้นที่ใต้เตียงสูงเพียงพอต่อการปัดกวาดสะดวก ไม่ควรมีสิ่งของเก็บไว้ใต้เตียง หากพื้นที่จำกัด แนะนำให้เลือกซื้อเตียงแบบที่มีลิ้นชักเก็บของโดยเฉพาะ
ซอกเล็ก ๆ สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ทั้งบริเวณอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ ควรเลือกชุดสุขภัณฑ์ที่มีซอกน้อย ๆ เป็นผิวเรียบตลอดทั้งชิ้น ช่วยลดการเกิดคราบสกปรกและทำความสะอาดได้ง่ายครับ
บ้านจัดสรรโคราช: วิธีออกแบบบ้านให้เรียบร้อย ดูแลง่าย สบายตัว อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/