กระชายพลัส: กินวิตามินตอนไหน ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด? ในยุคสมัยนี่นั้นวิตามินและอาหารเสริมถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยเติมสารอาหารที่ร่างกายเราขาดไป หรือช่วยบำรุงรักษาสุขภาพของเรา เนื่องจากหลายๆคนทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ การกินวิตามินและอาหารเสริมนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากๆค่ะ แต่กินวิตามินตอนไหนร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด? วันนี้มีคำตอบมาฝากกันค่ะ
1.วิตามินซี
ถ้าเอ่ยถึงวิตามินซีเชื่อว่าทุกคนรู้จักและรู้ถึงประโยชน์มากมายของวิตามินซี โดยคุณประโยชน์หลักๆของวิตามินซีนั้นคือการเพิ่มภูมิต้านทานและป้องกันหวัด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใจ ดูมีชีวิตชีวาให้ใบหน้าและผิวพรรณ ในทางศาสตร์ชะลอวัยคนเรานั้นควรทานวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัมเพื่อเชื่อในเรื่องภูมิต้านทานร่างกายและผิวพรรณ แต่ทั้งนี้นั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนว่าต้องการวิตามินซีต่อวันเท่าไหร่ หากอยากรู้แน่ชัดนั้นควรปรึกษาแพทย์ วิตามินซีนั้นมีจุดอิ่มตัวในการดูดซึมดังนั้นควรจะกินในประมาณที่ร่างกายเราต้องการ และร่างกายจะดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50% จากปริมาณที่กินไปเท่านั้น
กินวิตามินซีตอนไหนร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด ?
กินวิตามินพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น เพราะวิตามินซีจะถูกขับออกภายใน 2 – 3 ชั่วโมง ดังนั้นการรักษาระดับวิตามินซีในเลือดให้สูงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ
หากต้องการบรรเทาหวัด ควรกินวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 เวลา ช่วยให้ระดับฮิสตามีน สารที่ทำให้น้ำตาน้ำมูกไหลลดลงได้ถึงร้อยละ 40
สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรกินวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม เพราะวิตามินซีจะเข้าไปช่วยลดสารอนุมูลอิสระและการอักเสบของหลอดเลือด อีกทั้งช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไตวาย เป็นต้น
หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพวิตามินซี ควรกินร่วมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และไบโอฟลาโวนอยด์
สัญญาณเมื่อได้รับวิตามินซีเกิน เช่น อาการท้องเสีย เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดได้กับคนที่กินวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก ๆ เช่น 8,000 มิลลิกรัมขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะเป็น เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็สามารถย่อยวิตามินซีได้วันละหลายกรัมเลยทีเดียว
2.วิตามินบี
วิตามินบีนั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายช่วยในการบำรุงระแบบประสาทและกระตุ้นการทำงานของสมอง อีกทั้งยังช่วยลดความเครียด วิตกกังวลได้ โดยวิตามินบีนั้นพบได้ในอาหารจากธรรมชาติทั่วไป แต่ปัจจุบันหลายคนนั้นมีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบทำให้ไม่สามารถได้รับสารอาหารที่หลากหลายมากนัก การกินวิตามินบีในรูปแบบอาหารเสริมนั้นจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีทำให้ช่วยเสริมวิตามินบีให้กับร่างกายของเราได้ โดยควรกินวิตามินบีในตอนเช้าขณะที่ท้องว่างจะดีที่สุด เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี หรือถ้ากินตอนท้องว่างแล้วรู้สึกระคายเคืองกระเพาะอาหาร แนะนำให้กินระหว่างมื้ออาหารเช้า หรือหลังอาหารเช้าแทน นอกจากนี้ไม่ควรกินวิตามินบีตอนเย็น หรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้
3.วิตามินอี
วิตามินอีถือเป็นวิตามินอีกอย่างที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งในด้านสุขภาพและความงาม วิตามินอีนั้นเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือด การอุนตันของเม็ดเลือด ต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการอักเสบ โดยร่างกายของคนทั่วไปนั้นจะต้องการวิตามินอีวันละ 10 IU วิตามินอีสามารถหาได้จากอาหารธรรมชาติหลายอย่าง เช่น ไข่ พืช ผัก ผลไม้ และอาหารจำพวกถั่ว อาการของคนที่ขาดวิตามินอีนั้นจะรู้สึกชา ผิดปกติทางระบบประสาท ระบบเลือด และระบบสืบพันธุ์ แต่ถ้าเราได้รับวิตามินอีมากเกินไปนั้นอาการที่แสดงคือคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียและอ่อนเพลีย ร่างกายจะดูดซึมวิตามินอีได้ดีเมื่อกินร่วมกับอาหารที่มีไขมัน ดังนั้นควรกินวิตามินอีร่วมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เช่น นม โยเกิร์ต อัลมอนด์ ถั่วต่าง ๆ หรืออะโวคาโด เป็นต้น
4.วิตามินดี
วิตามินบีนั้นมีประโยชน์มากมาย ช่วยดูดซึมแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกบาง กระดูดพรุน มีบทบาทสำคัญในการควบคมกระบวนการสำคัญต่างๆในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน วิตามินดีนั้นสามารถรับได้จากแสงแดดแต่ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่นั้นมักใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ในร่มเมื่อออกแดดมักจะใส่เสื้อผ้าผกผิดร่างกาย ใช้ครีมกันแดด ซึ่งทำส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นขาดวิตามินดีโดยไม่รู้ตัว โดยการกินอาหารเสริมนั้นถือเป็นตัวช่วยที่ดีไม่ให้ร่างกายของเราขาดวิตามินดี วิตามินดีสามารถละลายได้ดีในไขมัน จึงควรกินวิตามินดีระหว่างมื้ออาหาร หรือหลังอาหารเช้าหรือเที่ยงไม่เกิน 30 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะเริ่มดูดซึมสารอาหาร และไขมันจากอาหารจะมาช่วยเป็นตัวทำละลาย ให้ร่างกายดูดซึมวิตามินดีอย่างเต็มที่มากขึ้น ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตามินดีในช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือตอนเย็น เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้
5.วิตามินเอ
วิตามินเอนั้นเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น เพิ่มภูมิคุ้มกัน ทำให้อาการป่วยหายเร็วขึ้น เสริมสร้างกระดูก ฟันและเล็บให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจและระบบปัสสาวะ ผิวและผมแข็งแรง ช่วยบรรเทาโรคที่เกี่ยวกับไทรอยด์ได้ นอกจากนี้ในด้านของผิวพรรณนั้นวิตามินเอจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ลดอาการอักเสบของผิว ช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้ วิตามินเอสามารถละลายได้ดีในไขมัน ควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที
6.วิตามินเค
วิตามินเคเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือด บำรุงรักษาเนื้อเยื่อกระดูก โดยวิตามินเคนั้นสามารถพบได้ในผักสีเขียวเข้ม แต่ถ้าไม่สามารถรับวิตามินเคได้จากอาหารจากธรรมชาตินั้นการกินวิตามินในรูปแบบอาหารเสริมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ วิตามินเคควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเป็นวิตามินชนิดที่ละลายได้ดีในไขมันเช่นกัน
7.คอลลาเจน
คอลลาเจนนั้นถือเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมมาก คอลลาเจนนั้นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความหยาบกร้านของผิว ลดเลือนริ้วรอย ชะลอการสลายของมวลกระดูก และช่วยเรื่องข้อต่อในกลุ่มผู้สูงอายุ แนะนำให้กินคอลลาเจนตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ คอลลาเจนจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีโดยไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย ปริมาณที่ควรกินคอลลาเจนก็อยู่ที่ 5,000 -7,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้