แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 92
1
ฉนวนกันความร้อนกับการประหยัดพลังงาน

ฉนวนกันความร้อนกับการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรม

อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องเปิดใช้งานระบบปรับอากาศตลอด 24 ชม. ย่อมมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าสูง การใช้วัสดุประเภทฉนวนกันความร้อน เป็นวิถีทางหนึ่งในการลดความสูญเสียพลังงานที่ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากสามารถช่วยลดการสูญเสียความร้อนและรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ต้องการ

โดยธรรมชาติแล้ว ความร้อนจะเคลื่อนที่จากที่อุณหภูมิสูงไปยังที่ที่มีอุณหภูมิต่ำเสมอ หลักการทำงานของฉนวนกันความร้อนก็คือ ทำหน้าที่ชะลอการเคลื่อนที่ของความร้อนนี้ ซึ่งวัสดุฉนวนกันความร้อนที่ใช้งานกันทั่วไป ได้แก่ ฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ ฉนวนกันความร้อน, ฉนวนกันความร้อนแบบโฟม, ฉนวนใยแก้ว และ ฉนวนใยหิน แต่ก่อนที่เราจะทำการเลือกวัสดุฉนวนกันความร้อนสำหรับใช้ในอุตสากรรมของเรานั้น เราน่าจะมาทำความรู้จักกับคุณลักษณะเฉพาะของวัสดุฉนวนกันความร้อน แต่ละชนิดกันสักเล็กน้อย

1. วัสดุฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ ความมันวาวของผิวแผ่นฟอยล์ มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อน ข้อดีคือทนความชื้น ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ ไม่ฉีกขาดง่าย
2. วัสดุฉนวนกันความร้อนแบบโฟม เช่น พอลิไอโซไซยานูเรต (PIR แท้ๆ) มีข้อดี คือ เป็นฉนวนกันความร้อนที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ห้องเย็นไปจนถึงห้องอบ กันความร้อน ช่วยรักษาอุณหภูมิ และกันไฟได้

3. วัสดุฉนวนใยแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า ไมโครไฟเบอร์ มีโพรงอากาศเล็กๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งแทรกอยู่ระหว่างเส้นใยแก้วจะทำหน้าเก็บกักความร้อนไว้และลดการส่งถ่ายความร้อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง นอกจากนี้โพรงอากาศเล็กๆ เหล่านั้นสามารถลดทอน พลังงานเสียงที่ผ่านเข้ามาให้เหลือพลังงานที่สะท้อนออกไปน้อยลง วัสดุฉนวนใยแก้วจัดเป็นฉนวนกันความร้อนและดูดซับเสียงที่มีประสิทธิภาพมีความอ่อนตัวและคืนตัวดี สามารถทนไฟได้ประมาณ 300 องศาเซลเซียส ปัจจุบันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าใยแก้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ จึงยังคงเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไป

4. วัสดุฉนวนใยหิน จัดเป็นเส้นใยจากธรรมชาติที่ไม่มีสารประกอบของ แอสเบสตอส (Asbestos) จึงปลอดภัยต่อสุขภาพ สมบัติในการกันความร้อนและดูดซับเสียง เทียบเท่ากับฉนวนใยแก้วแต่สามารถทนไฟได้ดีกว่า ทั้งวัสดุฉนวนชนิดใยแก้วและใยหิน มีข้อด้อยคือไม่ทนทานต่อความเปียกชื้น เช่น ฉนวนใยหินร็อควูล (Rockwool)

สรุปหลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการพิจารณาเลือกใช้วัสดุฉนวนกันความร้อน คือ

    ความสามารถในการป้องกันความร้อนช่วงอุณหภูมิการใช้งาน
    การเปลี่ยนรูปร่างเมื่อได้รับความร้อน
    การกันน้ำและความชื้น
    การทนต่อแมลงและเชื้อรา
    ความปลอดภัยต่อสุขภาพ
    การเสื่อมสภาพและความต้องการการบำรุงรักษา

เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อวัสดุฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสมและสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้แล้ว ซึ่งนอกจากจะประหยัดเงินในกระเป๋าแล้วยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงาน

2
บริการด้านอาหาร: โรคลำไส้แปรปรวน ควรเลือกรับประทานอาหารอย่างไรให้เหมาะสม!

การดูแลสุขภาพของเราให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ยังอยู่ในช่วงของการมีโรคระบาดที่รุนแรง และเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายถึงชีวิต ซึ่งการดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด เพราะปกติแล้ว คนเราจะต้องรับประทานอาหารทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร เพื่อเปลี่ยนไปเป็นพลังงานให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังนั้น อาหารจึงมีส่วนและมีผลกระทต่อการดำรงชีวิตของเรา หากเรารับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือมีพฤติกรรมการับประทานอาหารที่ผิดแน่นอนว่า จะทำให้เรามีปัญหาสุขภาพ และถ้าเรามีปัญหาสุขภาพ ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น เราควรเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

นอกจากนี้ อาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันยังมีผลต่อการกำหนดประเภทและความหลากหลายของแบคทีเรียในลำไส้ เพราะฉะนั้น การหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ก็จะเป็นเรื่องที่ดี และมีส่วนช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวนหรือลำไส้ระคายเคืองได้ ต้องบอกเลยว่า โรคลำไส้แปรปรวน เป็นโรคที่ส่งผลให้การทำงานของลำไส้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการท้องเสีย ท้องผูก หรือมีอาการท้องเสียและท้องผูกสลับกัน ทั้งนี้ อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้ง โรคนี้มักมีอาการเกิดขึ้นตลอดชีวิต และปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด ซึ่งถือว่าเราจะต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารให้มากยิ่งขึ้น

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการเลือกรับประทานอาหาร สำหรับคนที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน เพื่อให้การรับประทานอาหารมีความเหมาะสมกับอาการป่วยและยังดีต่อลำไส้อีกด้วย สำหรับอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยลำไส้แปรปรวน คืออาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่าง ผัก ผลไม้และธัญพืชเต็มเมล็ด จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถขับถ่ายได้ดีขึ้นและป้องกันอาการท้องผูก

แต่หากผู้ป่วยมีอาการท้องอืดเนื่องจากการรับประทานไฟเบอร์จากธัญพืชมากเกินไป ควรเน้นผักและผลไม้แทน แต่อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนที่มีอาการท้องเสีย ก็ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น ควรรับประทานแอปเปิล เบอร์รีชนิดต่าง ๆ แครอท หรือข้าวโอ๊ต เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีใยอาหารที่ละลายน้ำ เพื่อไม่ให้ปริมาณไฟเบอร์ในร่างกายมากเกินไป ต่อมาคือ อาหารไขมันต่ำ โดยทั่วไปอาหารที่มีไขมันสูงจะมีปริมาณไฟเบอร์ต่ำ


ซึ่งเป็นอาหารที่ทำให้อาการของโรคลำไส้แปรปรวนรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียและท้องผูกรวมกัน ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ จะช่วยให้ลำไส้สามารถทำงานได้ดีขึ้นจึงควรรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน ผัก ผลไม้ ธัญพืชและผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ สำหรับอาหารที่ควรเลี่ยง ก็ได้แก่ กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม การรับประทานเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายในน้ำ เช่น แป้งโฮลวีท รำข้าวสาลี ดอกกะหล่ำ และมันฝรั่ง ถั่วชนิดต่าง ๆ อาหารแปรรูปอย่างมันฝรั่งทอดและคุ้กกี้ หมากฝรั่งไม่มีน้ำตาล ของทอด และไม่ควรรับประทานอาหารปริมาณมากในแต่ละมื้อ   

นอกจากนี้ ควรทดลองหลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นให้เกิดอาการ เริ่มจากการลองงดการรับประทานอาหารแต่ละชนิดเป็นเวลา 12 สัปดาห์และทดลองครั้งละ 1 อย่าง และบันทึกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนการทดลองกับอาหารชนิดต่อไป ที่สำคัญควรออกกำลังกายและผ่อนคลายร่างกายไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร เช่น เดิน ปั่นจักรยาน และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอาหารอย่างไม่เร่งรีบ เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถช่วยให้อาการของลำไส้แปรปรวนดีขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรพยายามรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานในแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย  ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด  เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บด้วย

3
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)

โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบในเด็กเล็ก ส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง มักพบติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งอาจมีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือผู้สูงอายุ โรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น ไวรัส โคโรนา (coronavirus) ไวรัสอะดีโน (adenovirus) ไวรัสแอสโตร (astrovirus) ไวรัสคาลิซิ (calicivirus) ไวรัสนอร์วอล์ก (Norwalk virus) เป็นต้น ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ บางชนิดก็อาจติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือการปนเปื้อนเชื้อในอุจจาระเข้าทางเดินหายใจ (fecal respiratory transmission)

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องเดินเฉียบพลัน ซึ่งพบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6-24 เดือน) ได้แก่ ไวรัสโรตา (rotavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย และสามารถติดต่อทางการหายใจได้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน

อาการ

มักมีไข้สูง ถ่ายเป็นน้ำบ่อย อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย มักจะเป็นอยู่นานเพียงไม่กี่วัน แต่บางรายอาจนาน 1-2 สัปดาห์

สำหรับโรคท้องเดินจากไวรัสโรตา เริ่มแรกจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนนำมาก่อน แล้วจึงมีอาการถ่ายเป็นน้ำตามมา อุจจาระมีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักมีไข้สูงร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย อาการมักเป็นอยู่นาน 5-7 วัน ในรายที่เป็นไม่มากก็มักจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรง ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง

อาจทำให้เกิดภาวะพร่องแล็กเทส เนื่องจากเยื่อบุลำไส้เล็กที่อักเสบไม่สามารถสร้างเอนไซม์ชนิดนี้ชั่วคราว ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังตามมาได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งอาจตรวจพบไข้ และภาวะขาดน้ำ

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้-พาราเซตามอล และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่

2. หากกินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ


การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำร่วมกับไข้ หรือสงสัยมีอาการท้องเดินจากไวรัส ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ 1/2-1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม 

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเล
    หลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ 
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

1. ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันท้องเดิน

2. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอ จาม ควรปิดปาก อย่าไอหรือจามรดใส่ผู้อื่น

3. ผู้ดูแลทารกหรือเด็กเล็ก (เช่น ในสถานรับเลี้ยงเด็ก) ควรล้างมือกับสบู่ทุกครั้งที่ชำระก้นเด็กหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมกับท้องเดิน บางรายจึงเรียกว่า "หวัดลงกระเพาะ" หรือ "ไวรัสลงกระเพาะ"

2. อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ หรือบิดชิเกลลา ระยะแรกหลังให้การรักษาควรเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดตามมาควรให้การรักษาแบบบิดชิเกลลา

3. ถ้ามีภาวะพร่องแล็กเทสตามมา ควรให้เด็กงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน และให้การดูแลแบบภาวะพร่องแล็กเทส

4
เที่ยววัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดพระแก้ว เป็นที่สุดแห่งวัดงามและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยเลยค่ะ การได้มาเยือนวัดพระแก้วถือเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจเสมอ เพราะไม่ใช่แค่วัด แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ พระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในอดีต และยังคงใช้ในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ในปัจจุบัน

ความสำคัญและสิ่งที่น่าสนใจของวัดพระแก้ว
วัดพระแก้วสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ.ศ. 2325 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ไม่ได้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาเหมือนวัดทั่วไป แต่เป็นวัดที่ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ และเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย

พระอุโบสถ: เป็นอาคารหลักที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ภายในพระอุโบสถงดงามด้วยจิตรกรรมฝาผนัง และเครื่องประดับตกแต่งวิจิตรงดงาม

พระแก้วมรกต: พระพุทธรูปปางสมาธิที่แกะสลักจากหยกสีเขียวมรกต (หรือแจสเปอร์) ประดิษฐานอยู่บนบุษบกทองคำสูงเด่น มีการเปลี่ยนเครื่องทรงตามฤดูกาล (ร้อน ฝน หนาว) โดยพระมหากษัตริย์

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์: รอบระเบียงคดของวัด มีจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก แสดงเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ทั้งหมด 178 ห้อง เป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อนและงดงาม ควรค่าแก่การเดินชม

ปราสาทพระเทพบิดร: อาคารทรงปราสาทที่สวยงาม เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของอดีตพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี

พระศรีรัตนเจดีย์: เจดีย์ทรงกลมแบบลังกาขนาดใหญ่ สีทองอร่าม ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

หอพระมณเฑียรธรรม: หรือหอพระไตรปิฎก ที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกโบราณ

รูปปั้นต่างๆ: ภายในวัดมีรูปปั้นสำคัญหลายจุด เช่น ยักษ์ทวารบาลที่เฝ้าประตู, รูปปั้นสัตว์หิมพานต์, และเทวดาต่างๆ ที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณ


การเดินทางและการเตรียมตัว

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในบริเวณพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ

การเดินทาง:

รถไฟฟ้า BTS: ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วต่อเรือด่วนเจ้าพระยา (ธงส้มหรือธงเขียว) ไปลงท่าช้าง แล้วเดินต่อ

รถเมล์: มีหลายสายที่ผ่าน เช่น สาย 1, 3, 25, 44, 47, 53, 82, 91, 508

แท็กซี่/Grab: สามารถเรียกไปได้โดยตรง

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 15.30 น.

ค่าเข้าชม: สำหรับชาวต่างชาติ 500 บาท / ชาวไทยเข้าชมฟรี


ข้อแนะนำเพื่อการเยี่ยมชมที่ดีที่สุด

แต่งกายสุภาพ:

ผู้หญิง: สวมเสื้อมีแขน ไม่รัดรูป ไม่เปิดไหล่ (เช่น เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต) กางเกงขายาว หรือกระโปรงยาวคลุมเข่า ห้ามใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด

ผู้ชาย: สวมเสื้อมีแขน (เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล) กางเกงขายาว ห้ามใส่กางเกงขาสั้น

รองเท้า: ควรเป็นรองเท้าที่เดินสะดวก เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างกว้าง และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าพระอุโบสถ (แต่ก็ไม่ได้บังคับสำหรับพื้นที่ภายนอก)

หากแต่งกายไม่สุภาพ มีจุดบริการให้ยืมผ้าถุงหรือกางเกงขายาวได้ (มีค่ามัดจำ)

ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรไปแต่เช้าตรู่ (ช่วงเปิดทำการ) เพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนและอากาศร้อนจัด การเดินชมช่วงเช้าจะสบายกว่ามาก

วางแผนการเดิน: วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังมีพื้นที่กว้างใหญ่และรายละเอียดเยอะ หากมีเวลาไม่มาก ควรวางแผนว่าจะเน้นชมส่วนไหนบ้าง

ความเคารพ: เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรสำรวมกิริยา วาจา และงดใช้เสียงดัง

การถ่ายภาพ: สามารถถ่ายภาพได้ในบริเวณโดยรอบ แต่ภายในพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

การมาเยือนวัดพระแก้วเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ที่คุณจะได้สัมผัสความงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยชั้นสูง รวมถึงความสงบและความศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงค่ะ

5
โรคความดันโลหิตสูง อาการเป็นยังไง สาเหตุของความดันโลหิตสูง

บางท่านอ่านหัวข้อแล้วอาจจะรู้สึกตกใจว่า 'โรคความดันโลหิตสูง' เป็นสุดฮิตที่พบมากถึง 30-45% และเมื่อเป็นแล้วจะเกิดโรคร้ายตามมา เช่น อัมพฤกษ์-อัมพาต ภาวะหัวใจวาย โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไต หรือแม้แต่อาการผิดปกติอย่างอาการปวดต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม บางท่านที่เป็นอาจยังไม่มีอาการอะไร แต่หากปล่อยไว้นานจะเกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้ หมอจึงขอนำเสนอหนทางรักษาโรคที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยและญาติที่เป็นโรคนี้ค่ะ 
 
โรคความดันโลหิตสูง

     โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือ ภาวะที่แรงดันของเลือดที่มีต่อผนังเลือดสูงพอที่อาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจต่าง ๆ ได้ในระยะยาว ความดันโลหิตแปรผันด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ 

    ปริมาณเลือดที่ถูกปั๊มออกจากหัวใจ
    แรงต้านการไหลเวียนของเลือด (กำหนดด้วยความแคบของหลอดเลือด)
    หากปริมาณเลือดที่ถูกปั๊มออกจากหัวใจสูงขึ้นจะทำให้ความดันยิ่งสูงขึ้น
    หากหลอดเลือดแคบลงจะเกิดแรงต้านการไหลเวียนของเลือด เหมือนกับแรงดันในระบบการจ่ายน้ำในบ้านเรา ถ้าเราไม่ทำความสะอาดท่อ ปริมาณตะกอนยิ่งมากขึ้น ทำให้ท่อแคบลงและเพิ่มแรงต้านการไหลเวียนของเลือดจนทำให้ความดันสูงขึ้น

อาการของโรคความดันโลหิตสูง

     บางคนที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่หลายปีอาจไม่มีอาการใด แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง บางรายอาจมีอาการปวดหัว เลือดกำเดาไหล หายใจไม่ทัน ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีก็ต่อเมื่อมีความดันสูงมากจนอยู่ในเกณฑ์อันตรายและอาจเสียชีวิตได้

สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง

โดยทั่วไปโรคความดันโลหิตสูงเกิดได้ใน 2 แบบ ได้แก่

    Primary hypertension ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจะพบในเวลาที่เราแก่ตัวลง
    Secondary hypertension ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากโรคอื่นหรือผลข้างเคียงของการใช้ยาหรือการใช้สารเสพติด สำหรับคนที่ตกอยู่ในประเภทนี้ อาจจะมีความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยโรคอื่นที่ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง ได้แก่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ปัญหาไต เนื้องอกในต่อมหมวกไต ปัญหาไทรอยด์ หรือแม้แต่ความผิดปกติของเส้นเลือดตั้งแต่กำเนิด


​ผลข้างเคียงของการใช้ยา

    ยาคุม ยาแก้หวัด ยาระบาย ยาแก้ปวด และอื่นๆ
    โคเคน ยาบ้า
    การดื่มแอลกอฮอล์

เราสามารถควบคุมความดันโลหิตสูงได้แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการป้องกัน

ปัจจัยเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง

    อายุ ความดันโลหิตยิ่งสูง ถ้าอายุมากโดยเฉพาะผู้ชาย
    พันธุกรรม ผู้ที่มีบิดาและมารดาเป็นโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดโรคความดันสูง
    น้ำหนักเกินหรืออ้วน สัมพันธ์กับอัตราการเกิดความดันโลหิตสูงที่เพิ่มสูงขึ้น
    การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นทันทีและสามารถไปทำร้ายผนังเส้นเลือดจนทำให้ผนังเล็กลง
    เกลือโซเดียม โพแทสเซียม วิตามินดี โซเดียม มีหน้าที่กักน้ำไว้ในร่างกาย หากมีปริมาณน้ำมากเกินจะทำให้ความดันโลหิตสูง ควรควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนปริมาณวิตามินดีจะส่งผลต่อเอนไซม์ในไตที่ควบคุมความดันโลหิต
    แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในระยะยาว อาจทำให้หัวใจมีปัญหา ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน ผู้หญิงไม่เกิน 1 แก้ว ต่อวัน


ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง

    โรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เส้นเลือดหัวใจหนาและแข็งขึ้นซึ่งอาจทำให้หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและอื่น
    หลอดเลือดสมองโป่งพอง ผนังเส้นเลือดอ่อนตัวลง และโป่งพองจนแตกได้
    หัวใจล้มเหลว พอมีความดันสูง หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปั๊มเลือดไปทุกส่วนของร่างกาย กล้ามเนื้อที่หัวใจจึงหนาขึ้น ในระยะยาวหัวใจอาจไม่สามารถปรับตัวได้อีกจนไม่สามารถปั๊มเลือดไปส่งได้พอเพียง หรืออาจมีผลต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
    โรคไตเสื่อม ทำให้ไตถูกทำลายและไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
    ภาวะเมทาบอลิกซินโดรม การที่ระบบเผาผลาญมีความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ไขมันในเลือดชนิดดี (HDL Cholesterol) ต่ำ ความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
    ปัญหาด้านการจำและทำความเข้าใจ ทำให้ความสามารถในการคิด จดจำ และเรียนรู้ต่ำลง


เมื่อรู้ว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องตรวจอะไรบ้าง

ตามแนวทางการรักษาของสมาคมโรคหัวใจยุโรปควรจะต้องตรวจหาว่า ความดันโลหิตสูงได้ทำลายอวัยวะภายในโดยที่เรายังไม่มีอาการหรือเปล่า ซึ่งจะมีผลต่อให้แพทย์เลือกใช้ยารักษาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

    การหาภาวะหัวใจโต ทำได้หลายวิธีตั้งแต่ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) หรือการทำอัลตราซาวนด์หัวใจ (Echocardiogram)  ตรวจภาวะไตเสื่อมและการรั่วของโปรตีนจากไต เจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ
    ตรวจค่าหลอดเลือดแข็งตัว ABI และตรวจหาโรคร่วมที่มาพร้อมกับความดันโลหิตสูง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
     

การวัดค่าความดันโลหิต

ความดันโลหิตสูงสามารถวัดด้วย "เครื่องวัดความดัน" ซึ่งวัดได้จากท่อนแขนส่วนบนจนปรากฏเป็น 2 ค่า ได้แก่

    ความดันช่วงบน (Systolic pressure) ค่าความดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว ซึ่งอาจจะสูงตามอายุ อารมณ์ ปริมาณการออกกำลังกาย
    ความดันช่วงล่าง (Diastolic pressure) คือค่าความดันเลือดขณะหัวใจคลายตัว โดยค่าที่จัดว่าผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์เป็นโรคความดันโลหิตสูงในแต่ละช่วงวัย (Sytolic/diastolic) แบ่งได้ดังนี้
        ความดันโลหิตสูงสำหรับผู้สูงอายุ            150/90 มม.ปรอท
        ความดันโลหิตสูงสำหรับคนอายุน้อย         140/90 มม.ปรอท
        ความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว   140/90 มม.ปรอท


การรักษาโรคความดันโลหิตสูง

วัตถุประสงค์เพื่อควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การรักษาโรคความดันโลหิตสูงจึงแบ่งได้ 2 วิธี ได้แก่

    การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิต เช่น ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์ ควบคุมน้ำหนัก
    การรักษาด้วยยา ช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความดันโลหิตสูงได้ โดยผู้ป่วยแต่ละคนจะตอบสนองต่อยาชนิดต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งแพทย์จะปรับยาให้เหมาะสมตามแต่บุคคล


ต้องรักษาไปนานแค่ไหน จำเป็นต้องทานยาตลอดหรือไม่

     เป้าหมายคือการคุมความดันให้ได้ตามเกณฑ์ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามภาวะของผู้ป่วย โดยทั่วไปถือให้ความดันไม่เกิน 140/90 แต่ถ้าอายุมากหมอจะขยับเป็นไม่เกิน 150 ค่ะ ถ้าคุมได้ ไม่ว่าจะใช้ยาหรือปรับพฤติกรรม ก็พบว่าผู้ป่วยมีอัตราตายลดลง หรือพูดง่ายๆ ว่าอายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้รักษา ดังนั้นโรคนี้จำเป็นต้องรักษาต่อเนื่อง หากความดันดีแล้วคุณหมออาจจะลดยาหรืออาจจะไม่ต้องใช้ยาแล้วก็ได้ค่ะ

การรักษาความดันโลหิตสูง โรคฮิตร้ายกาจที่ไม่ออกอาการอะไร ทำได้ง่ายหากเราใส่ใจตัวเอง ทานยาต่อเนื่อง ปรับพฤติกรรมและเข้าพบแพทย์ตามนัด ผลตอบแทนที่ได้คือสุขภาพที่ดี ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน ช่วยเหลือตัวเองได้และมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย อย่าลืมดูแลตัวเองนะคะ

6
จัดฟันเด็ก ควรเริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก เพื่อโครงหน้าที่ดูดี !

หากย้อนไปในสมัยอดีต จะทราบกันดีว่ามีความเชื่อหนึ่งที่ติดอยู่ในสังคมประเทศไทย คือ เด็กเล็กๆไม่ควรจัดฟัน ควรไปเริ่มจัดฟันในขณะที่เจริญเติบโตแล้ว เพราะการจัดฟันในเด็กเล็กจะทำให้ฟันมีปัญหา ?

แต่ในปัจจุบันนี้ ชุดกระบวนความคิดดังกล่าวถือว่าถูกลบล้างออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะ มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับทันตกรรมศาสตร์ ได้พบว่า ฟันที่เสียไม่ว่าจะ ฟันเก สบฟัน หรือ โรคเกี่ยวกับกระดูกขากรรไกร รวมถึงโครงสร้างใบหน้า สามารถรักษาได้ด้วยการจัดฟันตั้งแต่ในวัยเด็ก หรือ วัยก่อนก่อนเจริญเติบโตเต็มที่ จะเห็นผลที่ดีกว่าในช่วงวัยเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว

โดยในวันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กเล็ก เพื่อลบล้างความเชื่อผิดๆในอดีต โดยมีดังต่อไปนี้


อายุเท่าไหร่ เหมาะสมต่อการจัดฟัน ?

เมื่อสมัยก่อนหลายๆคนอาจจะรอจนถึงอายุ 18 ปี หรือ 20 ปี ถึงจะเริ่มมีความคิดที่จะเข้ารับการจัดฟัน แต่จากการศึกษาพบว่า ช่วงอายุประมาณ 6-7 ขวบ หรือต่ำกว่า 10 ขวบ สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว และที่สำคัญฟันเด็กเล็กจะมีการเรียงตัวกันสวยงามเป็นธรรมชาติ และประสบความสำเร็จในการจัดฟันง่ายกว่าในช่วงวัยรุ่น หรือวัยหยุดการเจริญเติมโตแล้ว

ดังนั้น ผู้ปกครองที่มีลูกในช่วยวัยเด็กเล็ก หรือ อายุต่ำกว่า 10 ขวบ ควรรีบพาเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตัวเช็คสิ่งผิดปกในของฟัน เพื่อให้ได้รับการแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไปนั่นเอง


ฟันเด็กเล็ก แบบไหนที่ควรรีบจัดฟัน ?

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าในยุคสมัยนี้ ได้มีนวัตกรรมทางทันตกรรมที่เรียกว่า EF Line ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์จัดฟันเด็กเล็ก ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าสามารถช่วยให้ฟันของเด็กที่มีความผิดปกติกลับมาเป็นธรรมชาติได้โดยที่ไม่ต้องรอให้โตก่อน อีกทั้งยังสามารถทำให้โครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติเช่น คางยื่น คางยุบ สามารถกลับมาอยู่ในสภาพปกติได้อีกด้วย โดยเด็กเล็กที่มีรูปแบบฟัน หรือพฤติกรรมแบบไหนที่ควรรีบจัดฟัน ดังต่อไปนี้

– ฟันหน้ายื่น ถ้าหากว่าถ้าเด็กเล็กๆมีฟันในลักษณะนี้ ควรเข้ารับการจัดฟันเพื่อเข้าเข้าที่เป็นธรรมชาติ เพื่อนให้เด็กมีบุคลิกภาพที่ดี รวมถึงเด็กที่มีฟันหน้ายื่นมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุฟันหักจากการถูกกระแทกมากกว่าเด็กเล็กที่มีฟันหน้าเรียงตัวปกติ

– การสบฟันผิดปกติ หากพบว่าเด็กเล็กๆมีการสบฟันที่ผิดธรรมชาติ ไม่ว่าจะบนสบล่าง หรือล่างสบบน ควรรีบทำการจัดฟัน เพื่อให้การเรียงตัวของฟันกลับมาเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยให้ขากรรไกรไม่เกิดความผิดปกติอีกด้วย

– ช่องฟันห่าง หากมีรูปแบบฟันที่ห่าง จะทำให้ฟันแท้ที่เตรียมจะขึ้นมาแทนที่ เกิดการเกหรือทับซ้อน เรียงตัวกันไม่สวยได้ จึงควรรีบทำการจัดฟันก่อนที่ฟันแท้จะขึ้นมาแล้วก่อปัญหาในอนาคตได้

– ขากรรไกรมีความผิดปกติ ไม่ได้สัดส่วนกับใบหน้า ซึ่งในยุคสมัยนี้ มีนวัตกรรมทางทันตกรรมที่เรียกว่า EF line ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดฟันในเด็กเล็ก ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าได้ผมดีมากสำหรับเด็กเล็กๆในเรื่องทำให้ฟันที่เรียงตัวผิดปกติกลับมาเป็นปกติได้ และยังทำให้โครงสร้างใบหน้ากลับมาเข้ารูปดังเดิมได้อีกด้วย

– มีอาการกลืนอาหารที่ผิดปกติ

– เด็กที่มีพฤติกรรม กัดเล็บ ดูดนิ้ว เป็นประจำ

– เด็กมีพฤติกรรมการนอนกรนเป็นประจำ


วิธีการดูแลรักษา หลังจากเด็กเล็กเข้ารับการจัดฟัน !

หลังจากที่เด็กเล็กเข้ารับการจัดฟันแล้วไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะละเลยได้ ยิ่งจัดฟันยิ่งจำเป็นต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีกว่าปกติยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนเบื้องต้นดังต่อไปนี้

– แปรงฟันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เช้า (ตื่นนอน) และ เย็น (ก่อนนอน) เพื่อกำจัดคราบเศษอาหารและขนมต่างๆที่เด็กเล็กรับประทานเข้าไป

– พยายามให้บุตรหลานที่จัดฟันบ้วนปากทุกครั้ง หลังจากที่รับประทานอาหารหรือขนม

– ก่อนนอนทุกวันพยายามบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์

– พยายามช่วยบุตรหลานขัดฟันหลังจากแปรงฟันทุกครั้ง เพื่อขจัดคราบเศษอาหารที่ไม่สามารถแปรงฟันถึง

– ล้างอุปกรณ์จัดฟันเป็นประจำ

– พาบุตรหลายเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ หรือ ทุกครั้งที่อุปกรณ์จัดฟันมีปัญหา

7
เตรียมพร้อมสุขภาพฟัน ก่อนเข้ารับการจัดฟันเด็ก

ในปัจจุบันเด็กหลายคนมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากละเลยในการทำความสะอาดช่องปากและฟันและบวกกับการที่เด็กชอบรับประทานของหวาน น้ำอัดลมหรือขนมต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ การเกิดฟันผุเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยและส่งผลทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ โดนล้อ หรือแม้กระทั่งทำให้รับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ในอนาคต เพราะการที่มีฟันน้ำนมผุจะทำให้รู้สึกปวด บดเคี้ยวอาหารไม่ได้และร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตอีกทั้ง อาการปวดฟันยังส่งผลทำให้เด็กนอนไม่หลับและทำให้เรียนรู้ช้า

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและยังสามารถขัดขวางในเรื่องของพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้อีกด้วย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันและควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เด็กได้เติบโตไปมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีหรือถ้าผู้ปกครองท่านใดสนใจที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆเพราะการที่เด็กเข้ารับการจัดฟันก็จะช่วยทำให้ปลูกฝังในเรื่องของการดูแลช่องปากและฟันไปในตัวและยังช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น


สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด ที่กำลังตัดสินใจว่าจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กหรือไม่ เพราะอาจจะกังวลในข้อจำกัดหลายๆอย่างและไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองได้ปฏิบัติตัวและให้เด็กได้เตรียมความพร้อม สำหรับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับวิธีการเตรียมตัวของพ่อแม่ผู้ปกครอง สิ่งสำคัญเลยก็คือควรพูดทำความเข้าใจกับบุตรหลานของท่านให้เข้าใจว่า เหตุใดเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้เข้าใจก่อนเข้ารับการรักษา เพราะเด็กหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าพบทันตแพทย์เพราะ กลัวเจ็บหรือรู้สึกเขินอาย

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพฟันให้แก่บุตรหลาน สำหรับวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ในขั้นแรกที่เรากล่าวไปแล้วก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้กับบุตรหลานของท่าน ต่อมาก่อนการเข้ารับการจัดฟันเด็กจะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันก่อนเข้าตรวจกับทันตแพทย์ ในข้อนี้เด็กจะต้องมีความร่วมมือในการรักษากับทันตแพทย์ด้วย ต่อมาถึงขั้นตอนของการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กเพื่อให้ทันตแพทย์ได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยอาจจะมีพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมพูดคุยด้วย หลังจากพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงขั้นตอนการวางแผนการรักษาและการออกแบบ

เครื่องมือการจัดฟันให้เหมาะสมกับเด็ก นี่ก็คือวิธีการเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับ จัดฟันในเด็กส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะต้องเตรียมในการจัดฟัน ในข้อนี้ต้องอธิบายก่อนว่าราคาของการจัดฟันในแต่ละแบบและแต่ละสถานที่จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ รวมกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันด้วย ดังนั้น ในเรื่องของค่าใช้จ่ายพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา หรือเงื่อนไขและเตรียมความพร้อมก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

หากพ่อแม่ท่านใดอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมของเด็กจึงทำให้มีการรักษาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและเหมาะสมมากที่สุด เพราะทางคลินิกของเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

8
บริการทำความสะอาด: เคล็ดลับ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์   

ใคร ๆ ก็อยากให้บ้านสวยและสะอาดตลอดเวลาใช่ไหมล่ะ แต่จะแค่กวาดบ้านถูบ้านก็ยังไม่เอี่ยมอ่องมากพอวันนี้เลยมีเคล็ดลับ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ มาบอกค่ะรับรองว่าเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของคุณจะสะอาดเหมือนใหม่เลยหล่ะ


1. เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก

ไม้สักเป็นไม้ที่หายากและมีราคาแพง แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่เสมอ เพราะสวยงามและคงทนการดูแลรักษาไม้สักนั้นจึงต้องใส่ใจกับรายละเอียดมาก ๆ เมื่อเกิดรอยหรือคราบควรทำความสะอาดทันดีก่อนที่จะฝังแน่นถ้าเป็นคราบน้ำมันหรือหมึกให้ใช้กระดาษซับวางแล้วใช้เตารีดนาบลงไปจนกว่าคราบจะหายไปหรือถ้าเปื้อนเยอะก็ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแล้วใช้ผ้าชุบทำความสะอาดเมื่อแห้งแล้วก็ขัดเงาให้เหมือนใหม่ได้เลย แต่อย่าใช้น้ำยาขัดเงาที่ผสมแอลกอฮอล์นะคะเพราะจะทำให้เนื้อไม้เสียได้


2. เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง

ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูชุบน้ำสบู่ผสมเจือจางแล้วเช็ด อย่าให้เปียกชุ่มนะคะจากนั้นก็ผึ่งเฟอร์นิเจอร์ให้แห้ง หรือจะให้ครีมหรือน้ำยาทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้โดยเฉพาะเลยก็ได้แต่ต้องไม่มีสวนผสมของแอลกอฮอล์หรือแอมโมเนีย ถ้ามีรอยเปื้อนให้ใช้กระดาษทรายเนื้อละเอียดขัดออกแล้วทาขี้ผึ้งทับก่อนจะเช็ดด้วยผ้าแห้ง ไม่ควรตั้งไว้กลางแจ้งเพราะแสงแดดจะทำลายสีเนื้อไม้


3.  เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้ออ่อน

ทำความสะอาดด้วยผ้าชุดน้ำสบู่จาง ๆ แล้วเช็ด ผึ่งเฟอร์นิเจอร์ให้แห้งทันทีส่วนการดูแลรักษานั้นต้องฉีดยาฆ่าแมลงจำพวกมอด แล้วนำไปตากแดดอีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงวางของชื้นหรือทำให้เฟอร์นิเจอร์โดนน้ำ เพราะจะทำให้เกิดรอยด่างแต่หากเฟอร์นิเจอร์มีรอยเปื้อนมากให้ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชูผสมน้ำอุ่นจากนั้นทาทับด้วยขี้ผึ้งได้เลยค่ะ


4.  เฟอร์นิเจอร์หวาย

เครื่องเรือนหวายนั้นมีร่องเยอะ ทำให้ฝุ่นชอบไปเกาะและทำความสะอาดค่อนข้างยากการทำความสะอาดเครื่องเรือนหวายนั้นต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นแล้วใช้ช่องลมของเครื่องเป่าฝุ่นออก
การขัดนั้นควรใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำแล้วใช้แปรงปลายอ่อนขัดเป็นครั้งคราวล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดให้แห้งเท่านี้ฝุ่นที่เกาะอยู่ก็จะหมดไปค่ะ


5.  โซฟาผ้าแบบถอดซักได้

โซฟาผ้าเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะมีให้เลือกหลายแบบ และราคาไม่แพงมากแถมดูแลรักษาง่ายอีกด้วย โซฟ้าผ้านั้นก็มีทั้งแบบถอดซักได้และถอดไม่ได้การทำความสะอาดแบบถอดซักได้ก็จะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า การซักนั้นแนะนำให้ซักด้วยมือโดยการใช้ผงซักฟอกผสมน้ำอุ่น แล้วทดลองด้วยการป้ายกับเนื้อผ้าด้านในก่อนว่ามีการทำให้สีผ้าของโซฟาเปลี่ยนหรือไม่ จากนั้นก็ซักเบา ๆ ด้วยมือและผึ่งให้แห้งโดยไม่ตากแดดจัดเพราะจะให้ให้สีเปลี่ยน เมื่อผ้าใกล้แห้งให้นำไปสวมไว้ที่เดิมเพราะจะได้เข้ารูปเมื่อแห้งแล้ว


6. โซฟาผ้าแบบถอดซักไม่ได้

ส่วนการทำความสะอาดโซฟาผ้าแบบถอดซักไม่ได้นั้นควรเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าโซฟาก่อนด้วยการใช้หัวแปรงอ่อน ๆ เพื่อดูดฝุ่น จะได้ไม่เป็นการทำลายพื้นผิวโซฟา
จากนั้นถ้ามีรอยเปื้อนให้ใช้น้ำส้มสายชูเทลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์แล้วถูเบา ๆเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ แล้วถูเบา ๆ ให้น้ำซึมลงไปเล็กน้อย (แต่อย่าให้ชุ่มมากนะคะ)
เพื่อทำควมสะอาดคราบสกปรกที่อยู่ในเนื้อผ้า ทำให้แห้งด้วยการใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งหรือปล่อยทิ้งไว้โดยเปิดประตูและหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทให้สะดวก

ใช้วิธีดูดฝุ่นให้ทั่วตามร่องช่วงต่อของเฟอร์นิเจอร์ ถ้ามีรอยเปื้อนจาก ๆ ใหใช้น้ำผ้าชุบน้ำสบู่จาง ๆแล้วบิดให้หมาดอย่าให้เปียกเกินไป แล้วเช็ดเบา ๆ เพื่อไม่ให้ฤทธิ์ของสบู่ทำลายหนังของโซฟาถ้ามีคราบเชื้อราให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแล้วฉีดเพื่อขจัดคราบแล้วก็ใช้ผ้าแห้งเช็ดออกถ้าเป็นรอยเปื้อนฝังแน่นให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังโดยเฉพาะเช็ดเลยค่ะ


8.  ฟูกที่นอน

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าควรตากฟูกที่นอนทุก ๆ 6 เดือน ประมาณ 6 ชั่วโมงเพราะแสงแดดจะช่วยฆ่าแบคทีเรียที่อยู่ในฟูก ทำให้ฟูกของคุณสะอาดปราศจากเชื้อโรค
แต่ถ้าเป็นรอยเปื้อนที่ฟูกหล่ะ จะแก้ไขยังไง ? เมื่อเกิดคราบหรือรอยเปื้อนทุกครั้งควรทำความสะอาดทันทีเพื่อไม่ให้คราบติดฝังแน่นโดยใช้น้ำเย็นผสมกับน้ำยาซักผ้าแล้วใช้ผ้าชุบบิดหมาดแล้วกดลงไปตามรอยเปื้อน อย่าลืมว่าฟูกนั้นแห้งยาก ควรระวังไม่ให้เปียกรอบข้างจนเกินไปค่ะส่วนเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นสามารถจัดการได้โดยการโรยผงเบคกิ้งโซดาบนฟูกแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีจากนั้นจึงใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก เบคกิ้งโซดาจะช่วยระงับกลิ่นบนฟูกของคุณแล้วถ้าคุณมีกลิ่นที่ชอบเป็นพิเศษก็ให้หดน้ำมันหอมระเหยลงไปบนเบคกิ้งโซดาก่อนจะโรยบนฟูกเท่านี้เตียงของคุณก็จะหอมและปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วล่ะค่ะ


9. เฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่

ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ด้วยผ้าชุบน้ำสบู่ละลายน้ำขัดให้ละอาดจากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำเกลือแล้วเช็ดทำความสะอาดอีกรอบ เพื่อให้ไม้ไผ่เหนียวและแข็งแรงเป็นการเพิ่มอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ได้เป็นอย่างดีค่ะ


10. เฟอร์นิเจอร์หินอ่อน

ใช้แปรงขนนุ่มทำความสะอาดเครื่องเรือนหินอ่อน หรือใช้ผ้าชุดน้ำสบู่เช็ดแล้วก็ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดอีกที ก่อนจะซับให้แห้ง ถ้าหินอ่อนมีคราบเปื้อนต้องรีบทำความสะอาดโดยเร็วด้วยการโรยเกลือลงบนคราบเปื้อนนั้นเพื่อดูดซับคราบแล้วปัดออกถ้ายังไม่มีคราบติดอยู่ให้เทนมบูดลงบนเกลือและทิ้งไว้ประมาณ 3 วันจากนั้นใช้ผ้าชุดน้ำบิดหมาดเช็ดออกค่ะแค่นี้รอยเปื้อนบนหินอ่อนก็จะหมดไป

9
คุณสมบัติของผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานแบบไหน

ผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งและทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับสภาพแวดล้อมที่อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเพลิงไหม้ โดยคุณสมบัติหลัก ๆ ที่ควรมีมีดังนี้:

1. ความทนทานต่อความร้อนสูง
ผ้ากันไฟควรสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้เป็นเวลานาน โดยไม่ลุกไหม้หรือเสื่อมสภาพ
ควรมีจุดหลอมเหลวหรือจุดติดไฟที่สูง เพื่อป้องกันการลุกไหม้เมื่อสัมผัสกับเปลวไฟหรือความร้อนจัด

2. ความแข็งแรงทางกายภาพ
ผ้ากันไฟควรมีความแข็งแรงทนทานต่อการฉีกขาด การเสียดสี และการกระแทก เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน
ควรมีโครงสร้างที่แน่นหนา เพื่อป้องกันการทะลุผ่านของสะเก็ดไฟหรือเปลวไฟ

3. คุณสมบัติไม่ลามไฟ
ผ้ากันไฟควรมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไฟไปยังบริเวณอื่น ๆ
เมื่อสัมผัสกับเปลวไฟ ผ้าควรดับเองได้โดยเร็ว

4. ความทนทานต่อสารเคมี
ในโรงงานบางประเภท ผ้ากันไฟอาจต้องสัมผัสกับสารเคมีต่าง ๆ ดังนั้น ควรเลือกผ้ากันไฟที่มีความทนทานต่อสารเคมี เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ

5. ความยืดหยุ่นและการใช้งาน
ผ้ากันไฟควรมีความยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น ใช้คลุมเครื่องจักร ใช้ทำม่านกันไฟ หรือใช้ทำชุดป้องกัน
ควรมีน้ำหนักเบา เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและใช้งาน

6. การรับรองมาตรฐาน
ควรเลือกผ้ากันไฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น UL, FM หรือ NFPA เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย

วัสดุที่นิยมใช้
ผ้าใยแก้ว (Fiberglass): ทนความร้อนได้ดี ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับงานทั่วไป
ผ้าซิลิกา (Silica): ทนความร้อนได้สูงมาก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการป้องกันความร้อนสูง
ผ้าเคฟลาร์ (Kevlar): แข็งแรงทนทานสูง ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง
การเลือกผ้ากันไฟที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและลักษณะการใช้งานในโรงงานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของพนักงานและทรัพย์สิน

10
งานมอเตอร์โชว์: เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยสเปก GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริด ที่จะมาทลายข้อจำกัดของรถกระบะแบบเดิม ๆ พร้อมเปิดราคา

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสเปกอย่างเต็มรูปแบบของ GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในไทย ที่พร้อมเข้ามาเปลี่ยนนิยามของรถกระบะให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก่อนเปิดราคาอย่างเป็นทางการภายในงาน Motor Expo 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นผสมผสานระหว่างความประณีต ความหรูหรา และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้อย่างลงตัว มอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาสให้กับผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางตามคำนิยาม New First-Class Intelligent Pickup ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดีทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้งานและความสะดวกสบายภายในคันเดียวกัน เสริมทัพความแข็งแกร่งของยานยนต์พลังงานใหม่ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 GWM POER SAHAR HEV – New First-Class Intelligent Pickup

รถกระบะพลังงานไฮบริดรุ่นแรกในไทย จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดย GWM POER SAHAR HEV โดดเด่นด้านพละกำลังและแรงบิดในการขับขี่ มาพร้อมกับสองรุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผันที่มอบพละกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลังสูงสุด 78 กิโลวัตต์ หรือ 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 268 นิวตันเมตร ร่วมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection นอกจากนี้ GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่หลากหลายโหมดเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมด 4L และโหมด 4H พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ในทุกสถานการณ์และทุกสภาพพื้นผิวทั้งการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการผจญภัยสุดเร้าใจ

โดย GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมกับ 3 เฉดสี ได้แก่ สีดำสุดคลาสสิค (Sun Black) สีขาวสุดเรียบหรู (Hamilton White) และสีเทาสะกดทุกคู่สายตา (Ayers Gray) ร่วมกับเฉดสีภายในอย่าง สีดำ Jade Black ที่จะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเสมือนกับใช้บริการในที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสที่ผสามผสานสุนทรียภาพและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว

GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมกับมิติตัวรถที่มีความยาวถึง 5,445 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,991 มิลลิเมตร และความสูง 1,924 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,350 มิลลิเมตร ซึ่งนับว่ายาวที่สุดในตลาดรถกระบะในปัจจุบัน ทำให้ห้องโดยสารมีความกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เสมือนหนึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์เอสยูวี ระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,635 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 75 ลิตร และความสามารถในการลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตรอีกด้วย แม้ว่าการออกแบบภายนอกจะเพรียบพร้อมไปด้วยความหรูหราแล้วแต่ก็ยังแฝงไปด้วยจิตวิญญาณของนักผจญภัยเพื่อพาเหล่าผู้ขับขี่ออกลุยได้ในทุกสถานการณ์

 เรียบหรูด้วยดีไซน์ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ สู่นิยามใหม่ของการเดินทางที่เหนือระดับ

สำหรับการออกแบบภายนอกของ GWM POER SAHAR HEV เริ่มจากดีไซน์ด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่สะท้อนความเรียบหรูอย่างมีระดับให้กับผู้ขับขี่ มาพร้อมกับไฟหน้า LED อัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ ทั้งระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home) ร่วมกับระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (DRL – Daytime Running Light) ระบบไฟตัดหมอกด้านหน้า-หลังแบบ LED (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) และระบบไฟท้ายแบบ LED นอกจากนี้บริเวณไฟหน้ายังมาพร้อมกับโลโก้ POER ที่ช่วยสะท้อนตัวตนความเป็นรถกระบะพรีเมียมได้เป็นอย่างดี

สำหรับดีไซน์ด้านหลังก็ถูกออกแบบมาให้โดดเด่นและเรียบหรูให้เข้ากับดีไซน์ด้านหน้าได้อย่างลงตัวกับฝาท้ายอัจฉริยะที่สามารถเปิด-ปิดได้ถึง 2 รูปแบบ ร่วมกับระบบผ่อนแรง (เฉพาะรุ่น  2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) สามารถควบคุมได้ง่าย ๆ เพียงสัมผัสแค่ปลายนิ้ว อีกทั้งยังสามารถรองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อีกด้วย นอกจากรูปลักษณ์อันเรียบหรูที่ถูกออกแบบรอบตัวรถแล้ว ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางขนาด 265/60 ยังสะท้อนความพรีเมียมผสานกับดีไซน์ภายนอกของตัวรถได้เป็นอย่างดี

ด้านการออกแบบภายในก็สามารถตอบสนองด้านความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานได้อย่างครบครัน ผสานกับความหรูหราที่จะมอบประสบการณ์สุดล้ำค่าให้ผู้ขับขี่ในทุกการเดินทางด้วยลำโพงจำนวน 6 ตำแหน่งสำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO และลำโพง Infinity 10 ตำแหน่งสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ให้คุณภาพเสียงระดับสูง

ร่วมกับหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่จะทำให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินทั้งการรับชมและการรับฟังได้อย่างเต็มรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสความสะดวกสบายขั้นสูงสุดที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, MP5, online music, online radio, ระบบนำทาง รวมถึงข้อมูลการขับขี่ อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว

พวงมาลัยพร้อมสวิตซ์ควบคุมทั้งเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่ เกียร์แบบ Electronic Shifter กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start System กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ระบบปรับระดับอัตโนมัติขณะถอยหลัง* พร้อมระบบจดจำตำแหน่ง* (*เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ระบบกรองอากาศ N95 และอื่น ๆ อีกมากมาย เทคโนโลยีทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่และรถยนต์พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ตลอดทั้งการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งภายในรถที่จะมอบความผ่อนคลายและลดความเมื่อยล้าให้กับผู้ขับขี่ โดย รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO มาพร้อมกับเบาะหนังสังเคราะห์คุณภาพดีเยี่ยมที่สามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD กับเบาะหนังแท้ที่สามารถปรับไฟฟ้าได้สูงถึง 8 ทิศทาง พร้อมดันหลังไฟฟ้าที่ปรับได้ถึง 4 ทิศทาง ร่วมกับระบบ Memory Seat และ Welcome Seat อีกทั้งยังมีระบบระบายอากาศและระบบเบาะนวดไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 1 นอกจากจะมอบความผ่อนคลายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าแล้ว ผู้โดยสารร่วมทางก็จะได้รู้สึกผ่อนคลายตลอดเส้นทางเช่นกันด้วยเบาะนั่งแถวที่ 2 ที่สามารถปรับเอนได้ถึง 33 องศา พร้อมที่พักแขนตอนกลาง ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังโดยเฉพาะ และช่องจ่ายไฟสำรอง 220V (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ซึ่งฟังก์ชันต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยลดความเมื่อยล้า เพิ่มความผ่อนคลายให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้เดินทางถึงจุดหมายได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะการขับขี่ทางไกล มอบประสบการณ์การเดินทางรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากการโดยสารรถกระบะรูปแบบเดิม ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะหลากหลายที่จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากถึง 29 รายการ ทั้งที่เป็น First in class และ Best in class เพิ่มความมั่นใจให้ในทุกการเดินทาง อาทิ กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 (SCM) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) และสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ยังมาพร้อมกับระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) อีกด้วย นอกจากนี้ GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อและการควบคุมรถจากระยะไกลผ่าน GWM application ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายขั้นสุดให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ ระบบล็อกและปลดล็อกประตู ระบบค้นหาตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่เพียงเท่านั้นยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง อาทิ การเปิด-ปิดหรือปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ การโทรออก และการสั่งเปิด-ปิดหน้าต่างรถยนต์ เป็นต้น เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างครบครัน

11
ปล่อยรถป้ายแดง BMW X3 30e M Sport ปี 2022 ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

BMW X3 xDrive30e M Sport ปี 2022 เป็นรถยนต์ Sports Activity Vehicle (SAV) แบบ Plug-in Hybrid ที่ได้รับความนิยมในตลาดประเทศไทย ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการปรับโฉม (LCI - Life Cycle Impulse) ในปี 2022 ด้วยการผสมผสานสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นของ BMW เข้ากับประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของระบบไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 10 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
Warranty End 18/10/2027
BSI End 18/10/2027
BSI 5 Years

ราคาพิเศษ 2,299,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ภาพรวมและจุดเด่น

BMW X3 xDrive30e M Sport ปี 2022 มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เทคโนโลยีภายในที่อัปเกรด และสมรรถนะที่น่าประทับใจ:

ดีไซน์ภายนอกสไตล์ M Sport:

มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics รอบคันที่ดูสปอร์ตและดุดัน
กระจังหน้า Kidney Grille ดีไซน์ใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น
ไฟหน้า Adaptive LED ดีไซน์ใหม่พร้อมไฟ Daytime Running Lights (DRL) รูปตัว L และระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant)
ล้ออัลลอย M light ขนาด 20 นิ้ว ลาย Double-spoke หรือ 19 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับออปชันและตลาด)
คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport
หลังคา Panoramic Glass Roof (เป็นออปชันในบางตลาด)


12
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: หนองใน (Gonorrhea)

หนองใน (โกโนเรีย ก็เรียก) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (กามโรค) ที่พบได้มากเป็นอันดับแรก ๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์*

*ในที่นี้มักหมายถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 ชนิด ซึ่งพบเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ (1) หนองใน (2) ซิฟิลิส (3) หนองในเทียม (4) แผลริมอ่อน (5) ฝีมะม่วง

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อหนองใน (GC) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่า โกโนค็อกคัส (gonococcus/Neisseria gonorrheae) ติดต่อโดยทางเพศสัมพันธ์

ระยะฟักตัว 2-10 วัน (โดยทั่วไปภายใน 5 วัน)

อาการ

ในผู้ชาย หลังจากได้รับเชื้อ (หลังมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ) ประมาณ 2-10 วัน จะมีอาการแสบในลำกล้องเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือถ่ายปัสสาวะขัดและมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ในระยะแรกอาจไหลซึมเป็นมูกใส ๆ เล็กน้อย ภายใน 12 ชั่วโมงต่อมาจะกลายเป็นหนอง (สีเหลือง) ข้น และออกมาคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว

ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ชายที่ติดเชื้อหนองใน อาจไม่มีอาการแสดงอะไรเลยก็ได้ แต่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้

ในผู้หญิง ระยะแรกมักไม่มีอาการ ต่อมาจะมีอาการตกขาวเป็นหนองสีเหลือง มีกินเหม็น ไม่คัน มีอาการขัดเบาและแสบร้อนเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น ถ้ามีอาการอักเสบของปีกมดลูกจะมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดและกดเจ็บตรงท้องน้อย และปีกมดลูกอักเสบ

ผู้หญิงที่ติดเชื้อหนองในประมาณครึ่งหนึ่ง อาจไม่มีอาการแสดงอะไรเลยก็ได้ แต่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้

ทั้งสองเพศ นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) บวมและเจ็บด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

ในผู้ชาย ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจมีหนองไหลอยู่ 3-4 เดือน และเชื้อหนองในอาจลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ท่อปัสสาวะตีบตันได้

อาจทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ หรือเป็นฝีที่ผนังของท่อปัสสาวะ

ในบางรายอาจทำให้อัณฑะอักเสบ (อัณฑะปวดบวมและเป็นหนอง) ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นหมันได้

 ในผู้หญิง เชื้ออาจลุกลามทำให้ต่อมบาร์โทลิน (Bartholin’s gland) ที่แคมใหญ่เกิดการอักเสบ หรือเป็นฝีบวมโต หรืออาจทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ หรือปีกมดลูกอักเสบ ซึ่งถ้าอักเสบรุนแรง เมื่อหายแล้วอาจทำให้ท่อรังไข่ตีบตัน กลายเป็นหมัน หรือทำให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

ทั้งสองเพศ เชื้ออาจเข้ากระแสเลือดไปที่ข้อ (หนองในเข้าข้อ) ทำให้เป็นโรคข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก ข้อที่พบได้บ่อย คือ ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ

นอกจากนี้ยังอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่พบได้น้อยมาก เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ (endocarditis) ซึ่งอาจทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว และหัวใจวาย

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ หรือมีอาการตกขาวเป็นหนองสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) บวมและเจ็บ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการนำหนองไปย้อมสี และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือนำไปเพาะเชื้อ

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะขนานใดขนานหนึ่ง เช่น

    เซฟิไซม์ (cefixime) 400 มก. กินครั้งเดียว ร่วมกับอะซิโทรไมซิน (azithromycin) 1 กรัม กินครั้งเดียว
    เซฟทริอะโซน (ceftriaxone) 250 มก. ฉีดเข้ากล้ามครั้งเดียว ร่วมกับอะซิโทรไมซิน 1 กรัม กินครั้งเดียว
    สเปกติโนไมซิน (spectinomycin) 2 กรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว

2. ผู้หญิงที่มีอาการหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ร่วมกับมีไข้สูง ปวดท้องน้อย ขัดเบา ตกขาว อาจเป็นปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลัน อาจจำเป็นต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

ผลการรักษา หลังให้ยาปฏิชีวนะ มักจะหายเป็นปกติได้ใน 1-2 สัปดาห์

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหนองใน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ห้ามหลับนอนกับคู่สมรส เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ และงดดื่มเหล้า 1 เดือน เพราะเหล้าอาจทำให้หนองไหลมากขึ้น

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา หรือมีอาการกำเริบ
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา*

*เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หายใจลำบาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน หน้ามืดเป็นลม ตามัว หูอื้อ หูตึง ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระดำ คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง) จุดแดงจ้ำเขียว บวม ไอเรื้อรัง เป็นต้น

การป้องกัน

หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และถ้าจะหลับนอนกับคนที่สงสัยว่าเป็นหนองใน ควรใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งจะช่วยป้องกันได้เกือบร้อยละ 100 (ส่วนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ อาจได้ผลไม่เต็มที่ และมีโอกาสติดเชื้อได้บ้าง)

การดื่มน้ำก่อนร่วมเพศ และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ หรือการฟอกล้างสบู่ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยลดการติดเชื้อลงได้บ้าง แต่ไม่ใช่จะได้ผลทุกราย

ส่วนการกิน "ยาล้างลำกล้อง" ซึ่งเป็นยาระงับเชื้อ (antiseptic) ไม่ใช่ทำลายเชื้อ ไม่ได้ผลในการป้องกัน ยานี้กินแล้วทำให้ปัสสาวะเป็นสีเเปลก ๆ เช่น สีแดง สีเขียว

การกินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคภายหลังร่วมเพศอาจได้ผลบ้าง แต่ต้องใช้ยาชนิดและขนาดเดียวกับที่ใช้รักษา ซึ่งดูแล้วไม่คุ้ม สู้รอให้มีอาการแสดงค่อยรักษาไม่ได้ นอกจากนี้ก็ยังไม่อาจป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นได้

ข้อแนะนำ

1. ในบ้านเราพบเชื้อหนองในที่ดื้อต่อกลุ่มยาเพนิซิลลิน เรียกว่าเชื้อ PPNG ซึ่งย่อมาจาก penicillinase producing Neisseria gonorrheae ชาวบ้านเรียกว่าซูเปอร์โกโนเรีย ซึ่งจะรักษาด้วยยาฉีดโปรเคนเพนิซิลลินที่เคยใช้ในอดีตไม่ได้ผล ต้องเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นแทน นอกจากนี้ยังพบว่าเชื้อหนองในยังดื้อต่อยากลุ่มฟลูออโรคลิโนโลน และยาชนิดอื่นที่เคยใช้ในสมัยก่อน

2. ควรแนะนำให้ผู้สัมผัสโรค เช่น หญิงที่มีสามีเป็นหนองใน หรือผู้ที่หลับนอนกับคนที่เป็นหนองในไปตรวจรักษาโรคนี้พร้อม ๆ กันไปด้วย เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่เชื้อแก่กันอีก

3. ผู้ที่เป็นหนองใน ควรเจาะเลือดตรวจวีดีอาร์แอล (venereal disease research laboratory/VDRL) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อซิฟิลิสร่วมด้วย ถ้าพบวีดีอาร์แอลเป็นผลบวกหรือเรียกว่า เลือดบวก ก็แสดงว่าเป็นซิฟิลิส ควรตรวจครั้งแรกเมื่อก่อนให้การรักษา และอีก 3 เดือนต่อมาตรวจซ้ำอีกครั้ง

นอกจากนี้ ควรตรวจหาเชื้อเอชไอวีพร้อมกันไปด้วย

4. หญิงตั้งครรภ์ถ้าเป็นหนองใน ควรรีบรักษาให้หายขาด มิฉะนั้นลูกอาจติดเชื้อระหว่างคลอด ทำให้ตาอักเสบรุนแรงและอาจทำให้ตาบอดได้ (ดู "ตาอักเสบจากเชื้อหนองใน" เพิ่มเติม)

5. หนองในติดต่อโดยการร่วมเพศเป็นสำคัญ ถ้ามีการร่วมเพศทางปากหรือทวารหนัก ก็อาจทำให้เป็นหนองในลำคอหรือทวารหนักได้ ส่วนการติดต่อโดยทางอื่นพบได้น้อยมาก ที่อาจพบได้ คือ การใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนถูกหนองในสด ๆ เช็ดตา เชื้ออาจเข้าตาทำให้ตาอักเสบรุนแรงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงจากการใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่เป็นโรค

เชื้อหนองในไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในสระว่ายน้ำหรือโถส้วม ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่จะติดเชื้อจากสระว่ายน้ำหรือโถส้วม

6. ความเชื่อเรื่องของแสลงสำหรับโรคนี้ เช่น สาเก หน่อไม้ หูฉลาม อาหารทะเล เป็นต้น ทางวงการแพทย์ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด

แต่ที่แน่นอน คือ ต้องงดแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 เดือน เพราะอาจทำให้หนองไหลมากขึ้น ส่วนอาหารอื่น ถ้ากินแล้วทำให้หนองไหลมากขึ้นหรือกำเริบใหม่ก็ควรจะงด

7. หนองในและหนองในเทียม บางครั้งอาจแยกอาการกันไม่ออก ถ้าใช้ยารักษาหนองใน (โดยไม่ได้ตรวจเชื้อก่อน) อย่างเต็มที่แล้วไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะเชื้อดื้อยา หรืออาจเป็นหนองในเทียมก็ได้

13
สร้างรายได้ จากอาหารไทยง่ายๆ หลากหลายเมนูที่คุณทำเองได้ในครัวของคุณด้วยส่วนผสมที่เรียบง่าย

อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เข้มข้น กลิ่นหอมของสมุนไพรและรสชาติที่สมดุลลงตัวของรสหวาน เปรี้ยว เค็มและเผ็ด แม้ว่าอาหารไทยบางเมนูอาจดูซับซ้อน แต่หลายเมนูก็ทำที่บ้านได้ง่ายๆ ด้วยส่วนผสมที่เรียบง่าย อาหารไทยแสนอร่อยและเรียบง่ายเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรสชาติที่แท้จริงให้กับห้องครัวของคุณ ลองชิมและเพลิดเพลินกับอาหารไทยแบบโฮมเมด

นี่คืออาหารไทยคลาสสิก 5 จานที่คุณสามารถปรุงเองได้ง่ายๆ ในครัวของคุณ
1. ข้าวผัด:
วัตถุดิบ: ข้าวสวย, ไข่, เนื้อสัตว์ (หมู, ไก่, กุ้ง), ผัก (แครอท, คะน้า, ต้นหอม), ซีอิ๊วขาว, น้ำปลา, น้ำตาล

วิธีทำ:
ผัดกระเทียมให้หอม ใส่เนื้อสัตว์ผัดให้สุก
ตอกไข่ใส่ลงไปยีให้พอสุก ใส่ข้าวลงไปผัด
ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาล ใส่ผัก ผัดให้เข้ากัน
เคล็ดลับ: ใช้ข้าวเย็นจะทำให้ข้าวผัดร่วนอร่อย

2. ไข่เจียว:
วัตถุดิบ: ไข่ไก่, น้ำปลา, พริกไทย, (ใส่หมูสับหรือผักได้ตามชอบ)

วิธีทำ:
ตอกไข่ใส่ชาม ปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกไทย ใส่หมูสับหรือผัก (ถ้ามี)
ตีให้เข้ากัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เทไข่ลงไปทอดให้เหลืองกรอบ
เคล็ดลับ: ตีไข่ให้ขึ้นฟูจะทำให้ไข่เจียวนุ่ม

3. ต้มยำ:
วัตถุดิบ: น้ำซุป, ตะไคร้, ข่า, ใบมะกรูด, พริก, มะเขือเทศ, เห็ด, เนื้อสัตว์ (กุ้ง, ไก่), น้ำปลา, น้ำมะนาว

วิธีทำ:
ต้มน้ำซุป ใส่ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด พริก
ใส่เนื้อสัตว์และเห็ดลงไปต้มให้สุก
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ใส่มะเขือเทศ
เคล็ดลับ: เติมนมข้นจืดหรือกะทิเล็กน้อยจะทำให้ต้มยำนัวขึ้น

4. ผัดกะเพรา:
วัตถุดิบ: เนื้อสัตว์ (หมู, ไก่), ใบกะเพรา, พริก, กระเทียม, น้ำปลา, น้ำตาล, ซีอิ๊วดำ

วิธีทำ:
ผัดพริกกระเทียมให้หอม ใส่เนื้อสัตว์ผัดให้สุก
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วดำ ใส่ใบกะเพรา ผัดให้เข้ากัน
เคล็ดลับ: ใช้ไฟแรงจะทำให้ผัดกะเพราหอมอร่อย

5. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ:
วัตถุดิบ: หมูสับ, เต้าหู้ไข่, ผักกาดขาว, วุ้นเส้น, กระเทียม, พริกไทย, ซีอิ๊วขาว, น้ำซุป
วิธีทำ:
ผสมหมูสับกับกระเทียม พริกไทย ซีอิ๊วขาว ปั้นเป็นก้อน
ต้มน้ำซุป ใส่หมูสับ เต้าหู้ ผักกาดขาว วุ้นเส้น
ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
เคล็ดลับ: ใส่ขึ้นฉ่ายเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟจะทำให้แกงจืดหอม

14
หมอประจำบ้าน: จมน้ำ (Drowning)

จมน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรง มักจะทำให้ตายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

สาเหตุ

มักเกิดกับเด็กเล็กและผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจเกิดจากการตกน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ และภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้าน จมน้ำจากอุบัติเหตุ เช่น เรือคว่ำ เรือชน เมาเหล้า โรคลมชัก โรคหัวใจวาย เป็นลม เป็นต้น

อาการ

ผู้ที่จมน้ำมักจะมีอาการหมดสติ และหยุดหายใจ บางรายอาจมีภาวะหัวใจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้) ร่วมด้วย

ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ ก็อาจมีอาการปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือไอมีฟองเลือดเรื่อ ๆ (ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ำ)

บางรายอาจตรวจพบภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันต่ำหรือภาวะช็อก

ภาวะแทรกซ้อน

ผู้ที่จมน้ำมักจะตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจเพราะสำลักน้ำ บางรายอาจตายเนื่องจากภาวะเกร็งของกล่องเสียง (laryngospasm) ทำให้หายใจไม่ได้ สาเหตุเหล่านี้มักจะทำให้ผู้ที่จมน้ำตายภายใน 5-10 นาที

ผู้ที่จมน้ำถึงแม้จะรอดมาได้ในระยะแรก แต่ก็อาจจะตายเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในภายหลังได้ เช่น ปอดอักเสบ การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ในร่างกาย ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ภาวะปอดไม่ทำงาน (ปอดล้ม ปอดวาย) เป็นต้น

ในรายที่ขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน อาจเป็นสมองพิการได้

ภาวะเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่ต่างกันมากนัก ทั้งในพวกที่จมน้ำจืด (แม่น้ำ ลำคลอง บ่อ สระน้ำ) และพวกที่จมน้ำทะเล รวมทั้งอาการแสดงและการรักษาก็ไม่ต่างกันมาก

ข้อแตกต่าง คือ น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่าเลือด (พลาสมา) ดังนั้น ถ้ามีน้ำอยู่ในปอดจำนวนมากก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที ทำให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia) มีผลทำให้ระดับเกลือแร่ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวายได้ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้อีกด้วย

ส่วนน้ำทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด น้ำทะเลที่สำลักอยู่ในปอดจะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา) จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง (hypovolemia) และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติหัวใจวาย หรือเกิดภาวะช็อกได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จมน้ำมักตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่และปริมาตรของเลือด

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

ในรายที่สงสัยมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย ไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ และหาทางป้องกันและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น

มักจะทำการเจาะเลือดตรวจระดับแก๊สในเลือด และตรวจหาความเข้มข้นของเกลือแร่ เอกซเรย์ดูว่ามีการอักเสบของปอดหรือปอดแฟบหรือไม่ หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ

การรักษา ให้ออกซิเจน ต่อเครื่องช่วยหายใจ ให้น้ำเกลือ พลาสมาหรือเลือด

ถ้ามีภาวะหัวใจวายก็จะให้ยาขับปัสสาวะและยารักษาโรคหัวใจ (เช่น ไดจอกซิน)

ถ้ามีปอดอักเสบ จะให้ยาปฏิชีวนะและสเตียรอยด์

การดูแลตนเอง

เมื่อพบผู้ป่วยจมน้ำ ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล

การช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำอย่างถูกต้องก่อนส่งไปโรงพยาบาล มีผลต่อความเป็นความตายของผู้ป่วยมาก ควรแนะนำวิธีปฐมพยาบาลดังนี้

1. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจทันที อย่ามัวเสียเวลาในการพยายามนำน้ำออกจากปอดของผู้ป่วย (เช่น การจับแบกพาดบ่า) หรือทำการผายปอดด้วยวิธีอื่น เพราะจะไม่ทันการและไม่ได้ผล

ถ้าเป็นไปได้ ควรลงมือเป่าปาก ตั้งแต่ก่อนขึ้นฝั่ง เช่น หลังจากพาขึ้นบนเรือ หรือพาเข้าที่ตื้น ๆ ได้เเล้ว

เมื่อขึ้นบนฝั่งแล้ว ให้ทำการผายปอดด้วยการเป่าปากต่อไป จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง หรือพาไปส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว

วิธีการเป่าปากโดยละเอียด อ่านเพิ่มเติมใน "อาการหมดสติ"

เมื่อเริ่มเป่าปากสักพัก ถ้าหากรู้สึกว่าลมเข้าปอดได้ไม่เต็มที่เนื่องจากมีน้ำอยู่เต็มท้อง อาจจับผู้ป่วยนอนคว่ำแล้วใช้มือ 2 ข้างวางอยู่ใต้ท้องผู้ป่วย ยกท้องผู้ป่วยขึ้น จะช่วยไล่น้ำออกจากท้องให้ไหลออกทางปากได้ แล้วจับผู้ป่วยพลิกหงายและทำการเป่าปากต่อไป

2. ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการนวดหัวใจทันที (วิธีนวดหัวใจอ่านเพิ่มเติมใน "อาการหมดสติ")

3. ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง และศีรษะหงายไปข้างหลัง เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำทางปาก

4. ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกราย

ในรายที่หมดสติและหยุดหายใจ ควรผายปอดด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวังแล้วหยุดให้การช่วยเหลือ (เคยพบว่าการเป่าปากนานเป็นชั่วโมง ๆ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยรอดและหายขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจมน้ำที่มีความเย็น อุณหภูมิต่ำกว่า 70 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 21.1 องศาเซลเซียส)

การป้องกัน

1. ระวังอย่าให้เด็กเล็กเล่นน้ำหรืออยู่ในบริเวณใกล้กับน้ำ เช่น แม่น้ำลำคลอง บ่อน้ำ สระน้ำ รวมทั้งโอ่งน้ำ ถังใส่น้ำ ภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้านตามลำพัง

2. ควรส่งเสริมให้เด็กฝึกว่ายน้ำให้เป็น

3. เวลาลงเรือหรือออกทะเล ควรเตรียมชูชีพไว้ให้พร้อมเสมอ

4. ผู้ที่เมาเหล้า หรือเป็นโรคลมชัก ห้ามลงเล่นน้ำ

ข้อแนะนำ

1. วิธีผายปอดแก่ผู้ป่วยจมน้ำที่แนะนำในปัจจุบัน คือ วิธีการเป่าปาก และให้ลงมือทำให้เร็วที่สุด อย่าเสียเวลาในการจับแบกพาดบ่าเพื่อเอาน้ำออกจากปอดดังที่เคยแนะนำกันในสมัยก่อน

2. ผู้ป่วยที่จมน้ำทุกรายไม่ว่าจะหมดสติหรือหยุดหายใจหรือไม่ก็ตาม ควรพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างน้อย 24-72 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในเวลาต่อมา

15
ถ้าเด็กไม่ชินกับเครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ควรทำอย่างไร

การรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เด็กควรที่จะแปรงฟันให้ถูกวิธีและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะใส่ใจในเรื่องของโภชนาการของเด็กด้วย เพื่อที่ให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพตามมา นอกจากนี้ พฤติกรรมที่มีความผิดปกติของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่สอดส่องดูแลเพื่อให้เด็กได้ลดพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการดูดนิ้ว พฤติกรรมการดูดขวดนม ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของเด็กในวัยนี้


แต่ถ้าหากเด็กยังไม่เลิกพฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้ ซึ่งถ้าหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันการสบฟันที่ผิดปกติหรือกล้ามเนื้อโครงสร้างบริเวณใบหน้าทำงานผิดปกติ เด็กก็ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กโดยใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งในปัจจุบัน ทางทันตกรรมได้พบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า ดังนั้น จึงมีการออกแบบเครื่องมือเพื่อทำการปรับแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกล้ามเนื้อ การปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้อง


โดยเครื่องมือดังกล่าวเรียกว่า EF line โดยสามารถใช้ได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 -15 ปี โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า ซึ่งสามารถแก้ไขได้ แต่เด็กที่ได้ผ่านการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือกำลังเริ่มที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE พ่อแม่หลายคนกังวลว่า การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ของเด็กนั้น จะส่งอันตรายต่อเด็กหรือไม่ วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงวิธีการแก้ไขปัญหาสำหรับเด็กที่มีอาการผิดปกติหรืออาจจะยังไม่ชินกับเครื่องมือ EF LINE ว่า พ่อแม่ควรจะรับมืออย่างไร

สำหรับเครื่องมือ EF line เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต


โดยเด็กจะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันตามที่ทันตแพทย์แนะนำ หรือใส่ คือ ตอนกลางคืนเวลานอนหลับ 10 ชม. เวลากลางวัน 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างใส่กลางวัน โดยพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมอยู่ตลอด เวลาที่เด็กใส่เครื่องมือ EF LINE โดยควรให้เด็กใส่เครื่องมืออยู่นิ่งๆ ไม่เคี้ยวเล่น ไม่พูด ปากปิดสนิทเพื่อเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบปาก ให้เด็กดื่มน้ำมากเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปากของเด็ก หากมีอาการระคายเคืองบางตำเเหน่ง ใช้ยาทาเเผลในปาก โดยทาตรงบริเวณที่เจ็บเพื่อบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE วันเเรกๆของการใส่อาจไม่สบายนัก แต่ร่างกายจะปรับตัวยอมรับและดีขึ้นเอง

ซึ่งแรกๆเด็กบางคนอาจมีทำท่าทางเหมือนอยากจะอาเจียน แต่พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรพยายามให้เด็กใส่ให้เกิดความเคยชินขึ้น โดยอาจปรับเวลาเป็นการใส่ครั้งแรก อาจใส่ครึ่งชั่วโมงเพื่อการปรับตัวแล้วพัก และใส่ต่อ โดยค่อยๆเพิ่มเวลา เมื่อเวลาผ่านไป เด็กจะสามารถสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ได้นานขึ้น และเพลินเพลินกับการทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยได้ เช่น นั่งใส่ดูการ์ตูน อ่านหนังสือ และอื่นๆโดยไม่เผลอเคี้ยวหรือกัดเล่นเพราะเด็กบางคนอาจเผลอเคี้ยวเล่นหรือพยายามกัดและขยับให้พอดี

เเต่อาจเป็นผลทำให้เครื่องมือ EF LINE ขาดได้ ทางที่ดีเมื่อใส่ EF LINE ก็ควรจะปรับ EF LINE ให้ตรงและเตือนเด็กให้พยายามใส่ประคองด้วยฟัน และนิ่งๆไว้ไม่เคี้ยวเล่น เมื่อเวลาผ่านไป ฟัน กระดูกเหงือก เนื้อเยื่อในปาก กล้ามเนื้อและลิ้นจะปรับตัวตามเครื่องมือ ปัญหาอาการระคายเคืองต่างๆจะค่อยๆลดลงจนสามารถใส่ได้นานๆอย่างสบาย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนที่จะช่วยทำให้เด็กเกิดความเคยชินในการใส่เครื่องมือได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line สามารถขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นการการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นเด็กที่มีสุขภาพฟันที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

หน้า: [1] 2 3 ... 92


























































กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

ไม่รู้จะขายอะไรดี
อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า