แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 92
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


2
หมอออนไลน์: ดียูบี (Dysfunctional uterine bleeding/DUB)

ดียูบี เป็นภาวะที่มีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกที่ไม่มีพยาธิสภาพเฉพาะที่ตรวจพบ เช่น เนื้องอก หรือการอักเสบของมดลูกหรือการตั้งครรภ์

พบได้ในผู้หญิงทุกวัย แต่จะพบมากในระยะเข้าสู่วัยสาวขณะที่มีประจำเดือนครั้งแรก และในระยะวัยกลางคน เมื่อใกล้จะหมดประจำเดือนอย่างถาวร

เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของภาวะมีเลือดออกทางช่องคลอดมากหรือนานผิดปกติ

สาเหตุ

เกิดจากการเสียสมดุลระหว่างฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่ เอสโทรเจน (estrogen) และโพรเจสเทอโรน (progesterone) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ทำให้มีเอสโทรเจนในร่างกายสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นเหตุให้เยื่อบุมดลูกหนาตัวขึ้น แล้วทำให้มีเลือดออกจากโพรงมดลูกผิดปกติตามมา มักพบในผู้หญิงที่มีรอบเดือนที่ไม่มีการตกไข่ (anovulatory cycle)

อาการ

ผู้ป่วยจะมีเลือดคล้ายเลือดประจำเดือนออกมาก หรือกะปริดกะปรอยนานเป็นสัปดาห์ ๆ โดยมากจะไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย เลือดอาจออกมากจนผู้ป่วยซีด อ่อนเพลีย

บางรายอาจมีประวัติประจำเดือนขาดนำมาก่อนสัก 2-3 เดือน

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือด

ในรายที่มีเลือดออกมากและเร็ว อาจเกิดภาวะช็อก

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการขั้นต้น

การตรวจร่างกายมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ในรายที่มีเลือดออกมาก อาจตรวจพบภาวะซีด

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจภายในช่องคลอด อาจต้องตรวจเลือด (ประเมินภาวะซีด และการแข็งตัวของเลือด) ตรวจปัสสาวะ (ดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่) การตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอด (transvaginal ultrasonography) เพื่อดูว่ามีการหนาตัวของเยื่อบุมดลูกหรือไม่ และอาจต้องตรวจพิเศษอื่น ๆ ถ้าสงสัยมีพยาธิสภาพในโพรงมดลูก เช่น ตรวจชิ้นเนื้อในรายที่สงสัยเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก ในผู้ป่วยอายุมากกว่า 35 ปี

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีเลือดออกน้อย ไม่ซีดหรือซีดเล็กน้อย และยังทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แพทย์จะให้ยาบำรุงโลหิต และอาจให้ยาฮอร์โมนในรายที่มีภาวะซีด เพื่อควบคุมให้เลือดออกน้อยลง

2. ในรายที่มีเลือดออกปานกลาง มีภาวะซีดเล็กน้อย แต่ยังรู้สึกตัวดี ความดันโลหิตและชีพจรเป็นปกติ แพทย์จะให้ฮอร์โมนบำบัด และให้ยาบำรุงโลหิต

3. ในรายที่มีเลือดออกมาก มีภาวะซีดมาก หรือมีชีพจรเต้นเร็ว หรือภาวะช็อก แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้เลือดในรายที่เสียเลือดมาก และให้ยาฮอร์โมนเพื่อควบคุมภาวะเลือดออก

4. ถ้าให้ยาฮอร์โมนแล้วเลือดไม่หยุด (ปกติควรจะหยุดภายใน 24 ชั่วโมง หรือภายใน 2-3 วัน) หรือพบในผู้ป่วยอายุมากกว่า 35 ปี แพทย์อาจทำการขูดมดลูก และทำการตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็งโพรงมดลูก ในบางรายแพทย์อาจใช้กล้องส่องตรวจโพรงมดลูก (hysteroscopy) เพื่อตรวจพยาธิสภาพในโพรงมดลูก

การขูดมดลูกจะช่วยให้เลือดหยุดได้ หลังจากนั้นจำเป็นต้องให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดนานอย่างน้อย 3-6 เดือน
เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

ในรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาฮอร์โมนหรือมีความผิดปกติของโพรงมดลูก (เช่น เนื้องอกมดลูก มะเร็งมดลูก) ก็จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูก

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีเลือดคล้ายเลือดประจำเดือนออกมาก หรือกะปริดกะปรอยนานเป็นสัปดาห์ ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นดียูบี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือหน้าตาซีดกว่าปกติ
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ข้อแนะนำ

ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมากหรือกะปริดกะปรอย อาจมีสาเหตุจากดียูบี ซึ่งมักไม่มีอันตรายร้ายแรง (นอกจากทำให้เสียเลือด) และสาเหตุจากความผิดปกติของมดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก มะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น ซึ่งมักพบในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์นอกมดลูก แท้งบุตร เป็นต้น ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุให้แน่ชัด

3
ตรวจอาการโรคขาดวิตามินเอ/เกล็ดกระดี่ขึ้นตา (Vitamin A deficiency)

โรคขาดวิตามินเอ ยังพบได้ในท้องที่ชนบทบางแห่ง (พบบ่อยทางภาคอีสาน) และในเด็กที่ยากจน

ภาวะขาดวิตามินเอ ทำให้ประสาทตาส่วนที่เรียกว่าจอตา หรือเรตินา (retina) เสื่อม ทำให้เยื่อบุตาแห้งและต่อมน้ำตาไม่ทำงาน จึงอาจทำให้เด็กที่เป็นโรคนี้ตาบอดได้ ดังที่ชาวบ้านรู้จักกันดีว่าเป็น โรคเกล็ดกระดี่ขึ้นตา

สาเหตุ

มักจะพบในเด็กวัยแรกเกิดถึงอายุ 5 ปี เกิดจากการกินอาหารที่มีวิตามินเอน้อยไป เช่น กินแต่นมข้นหวาน กล้วยบดและข้าว โดยไม่ได้อาหารเสริมอื่น ๆ โรคนี้มักจะพบร่วมกันไปกับโรคขาดอาหาร บางรายอาจเป็นหลังจากเป็นโรคติดเชื้อ (เช่น หัด ปอดอักเสบ) หรือท้องเดินเรื้อรัง

ในผู้ใหญ่พบได้น้อย ถ้าพบมักมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับเรื้อรัง โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น มีผลทำให้การดูดซึมวิตามินเอน้อยลง

อาการ

เริ่มแรกจะมีอาการตาฟางหรือมองไม่เห็นเฉพาะตอนกลางคืนหรือในที่มืด ๆ (แต่มองเห็นเป็นปกติในเวลากลางวัน และในที่สว่าง ๆ) เนื่องจากจอตาเริ่มเสื่อม ต่อมาเยื่อตาขาวแห้ง เมื่อเป็นมากขึ้นเยื่อตาขาวจะย่นอยู่รอบ ๆ กระจกตาดำดูคล้ายเกล็ดปลา และกระจกตาดำซึ่งปกติสะท้อนแสงวาววับ จะแห้งและไม่มีประกาย ตาขาวจะเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีเงิน เห็นเป็นจุดใหญ่ทางด้านหางตา เรียกว่า จุดบิทอตส์ (Bitot’s spot) หรือเกล็ดกระดี่ อาจเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง ถ้ารักษาในระยะนี้จะแก้ได้ทัน

ในเด็กเล็กมักตรวจพบเมื่อมีการอ่อนตัวของกระจกตาดำแล้ว จะพบหนังตาบวม ปิดตาแน่น ไม่ยอมลืมตา

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าปล่อยทิ้งไว้กระจกตาจะเกิดการอ่อนตัว เป็นแผล และเกิดรูทะลุ มีเชื้อโรคเข้าไปในลูกตา ทำให้เกิดการอักเสบภายในลูกตา ตาบอดได้ นอกจากนี้ เด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอหากเป็นหัด อาจกลายเป็นโรคหัดชนิดรุนแรงได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

เยื่อตาขาวรอบ ๆ กระจกตาดำเป็นรอยย่น กระจกตาดำขุ่นมัวไม่สะท้อนแสงและเกล็ดกระดี่ตรงด้านหางตา

ถ้าจำเป็น แพทย์จะทำการตรวจระดับวิตามินเอในเลือด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. เมื่อเริ่มมีอาการตาบอดกลางคืน หรือเริ่มมีเกล็ดกระดี่ขึ้นตา แพทย์จะให้กินวิตามินเอชนิดแคปซูล หรือหากจำเป็นอาจใช้วิตามินเอชนิดฉีด

2. ถ้ามีการติดเชื้ออักเสบ แพทย์จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้กินวิตามินเอชนิดแคปซูล หรือฉีดวิตามินเอ ร่วมกับให้กินยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน ถ้าเด็กปิดตาแน่น อย่าพยายามเปิดตาเด็ก เพราะอาจทำให้กระจกตาดำแตกทะลุได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการตาฟางหรือมองไม่เห็นเฉพาะตอนกลางคืนหรือในที่มืด ๆ  ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคขาดวิตามินเอ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

โรคนี้เป็นแล้วทำให้ตาบอดได้ แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น เนื้อ ตับ ไข่ นม ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอสุก ผักใบเขียว (ผักบุ้ง ใบตำลึง ใบมันสำปะหลัง) พริกที่เผ็ด ๆ จึงควรแนะนำให้เด็ก ๆ กินอาหารเหล่านี้ให้มากเป็นประจำ

ถ้าไม่แน่ใจว่าเด็กจะได้รับอาหารที่มีวิตามินเอเพียงพอ อาจให้กินวิตามินเอเสริม

ข้อแนะนำ

เด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอ เมื่อเป็นหัด ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาให้วิตามินเอเสริม ซึ่งจะช่วยลดความพิการและการเสียชีวิตลงได้


4
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


5
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


6
มาดู 7 วิธีแต่งบ้านสไตล์มินิมอล และเลือกของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะ

การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเป็นอีกหนึ่งสไตล์ของการตกแต่งบ้านและที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมอย่างไม่แผ่วเลย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อย กับการแต่งบ้านแบบน้อยแต่มากแบบมินิมอล (Minimal style) ด้วยจุดเด่นอันแสนหลากหลายทั้งสไตล์แบบเฉพาะตัวพร้อมค่าใช้จ่ายที่ไม่แรงเกินไป ไม่แปลกที่การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจะมาแรง วันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการแต่งบ้านแบบมินิมอลว่ามันเป็นยังไงกันแน่ และเผื่อว่าใครที่อยากแต่งบ้านสไตล์นี้ดูบ้าง เราก็ไม่พลาดที่จะนำเทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งห้องหรือบ้านของคุณให้ออกมาในสไตล์มินิมอลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รับรองว่าการจัดบ้านสไตล์มินิมอลจะทำให้ดูน่าอยู่มากขึ้นแน่นอน!

แต่งบ้านสไตล์มินิมอล (Minimal Style) หมายถึงอะไร

“ใช้สีโมโนโทน”

“การจัดวางเป็นดูเรียบร้อย”

“เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น”

“เรียบง่ายแต่ดูดี”

“น้อยแต่มาก”

เมื่อพูดถึงการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลแล้ว ประโยคข้างบนนี้คงเป็นประโยคที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินได้เห็นผ่านตามาไม่มากก็น้อย ‘Minimal Style’ สไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมาสักพักแล้วนี้ หมายถึง สไตล์การตกแต่งที่เน้นความเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มีประโยชน์ใช้สอย เลือกสิ่งตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ตามจำเป็น มีการจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย

ฟังดูเหมือนง่ายใช่ไหมคะ? ก็แค่ไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เยอะ เอาเฉพาะที่จำเป็น แล้วก็ซื้อสีเดียวกันมาอยู่ด้วยกันก็พอ แต่จริงๆ การตกแต่งบ้านสไตล์นี้ไม่ได้ทำกันง่ายขนาดนั้น ตอนเลือกเฟอร์นิเจอร์ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะแต่งยังไงให้สวย อบอุ่นน่าอยู่ แล้วดูมินิมอลด้วย ต้องบาลานซ์การตกแต่งและวางแผนล่วงหน้าไว้หลายสเต็ปทีเดียว

นักตกแต่งภายในหลายคนเคยพูดถึงการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลไว้ว่า ความมินิมอลต้องมาคู่กับฟังก์ชันที่ครบครัน เรียกได้ว่าน้อยอย่างเดียวไม่พอ แต่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งจะต้องเอื้อให้สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้ด้วย

จุดสำคัญของการแต่งบ้านให้ออกมาเป็นสไตล์มินิมอล

สำหรับผู้ที่สนใจจัดบ้านแบบมินิมอล การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดสำคัญทั้งเรื่องสีสันบ้านโทนมินิมอล การเลือกเฟอร์นิเจอร์มินิมอล ไปจนถึงไอเดียแต่งห้องมินิมอลจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ สวยงามดังที่คาดหวังเอาไว้

• มีโทนสีแบบโมโนโทนหรือเรียกว่า Monochromatic และมักจะใช้สีอ่อนๆ

• ในการออกแบบจะต้องออกแบบให้มีการนำเส้นสายตาที่ตรงและคม

• การคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาใช้งานจะน้อยชิ้น แต่การใช้งานต้องครบครัน

• การจัดพื้นที่ในห้องให้ดูมีที่ว่างเยอะ และดูกว้างขวาง

• พื้นผิวในจุดต่างๆ ทั่วห้องต้องดูมีที่ว่าง โล่ง และสะอาดตา ของตกแต่งน้อยชิ้น

• ของน้อย ตกแต่งเรียบง่าย แต่ต้องดูน่าอยู่ อบอุ่น และไม่ทิ้งความมีสไตล์

• เน้นที่คุณภาพของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมากกว่าปริมาณสิ่งของ

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเหมาะกับใคร

การตกแต่งมินิมอลฟังดูยากมากสำหรับยุคสมัยนี้ที่เต็มไปด้วยการช็อปปิ้งออนไลน์ ซื้อสิ่งของต่างๆ เข้าบ้านกันง่ายดายจนแทบไม่มีที่เก็บ เห็นอะไรก็น่าซื้อน่าลองไปหมด การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลนั้นไม่ได้จบที่การตกแต่ง แต่จะต้องปรับพฤติกรรมการซื้อของใช้เข้าบ้านให้มินิมอลตามไปด้วย ซื้อแต่ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

อาจเรียกได้ว่า มินิมอลนั้นเป็นมากกว่าแค่การแต่งบ้าน แต่เป็นแนวคิดที่มาคู่กับการสร้างไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัย ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ช่วยให้ใส่ใจคุณภาพให้มากกว่าปริมาณ (และประหยัดในระยะยาว)

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเหมาะกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่มักจะถูกมองว่าเป็นที่นิยมในหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่นิยมความเรียบง่ายแต่เก๋และมีสไตล์

ต่อไปเราไปดูกันดีกว่าว่าวิธีการตกแต่งบ้านของคุณให้เป็นสไตล์นี้ต้องทำยังไง มีทิปส์หลายอย่างตั้งแต่เทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ การเลือกใช้สี และการจัดการพื้นที่ใช้สอย มาดูกัน!

ทริคแต่งบ้านและเลือกเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล (Minimal style)

เพื่อให้การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเกิดความสวยงาม น่าประทับใจ ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการสำหรับเจ้าของบ้าน ลองมาศึกษาทริคการแต่งบ้านไปจนถึงการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอลเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ตอบโจทย์ตามสิ่งที่คาดหวังเอาไว้อย่างแน่นอน

1. เริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช่ก่อน

สิ่งสำคัญที่สุดในการตกแต่งบ้านไม่ว่าจะสไตล์ใดก็ตามคือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งการเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล การเลือกเฟอร์นิเจอร์ยิ่งต้องพิถีพิถัน หลักการเลือกเฟอร์นิเจอร์มีอยู่ว่า

• เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่าย พื้นผิวไม่เน้นลวดลาย

• ดีไซน์มีความสวยงาม ไม่ตกยุคง่าย ดูมีคุณภาพ และคงทน

• สีอ่อนหรือเข้มก็ได้ แต่ให้ไปในโทนสีเดียวกันตลอด

• เลือกเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันจริงๆ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่คิดว่าเราอยู่ได้โดยไม่ต้องซื้อมันมาก็ให้ตัดออก

• การออกแบบมีลักษณะและรูปเป็นเส้นตรงและคม ไม่มีลวดลาย

ราวแขวนผ้าทำจากไม้สัก เรียบง่ายดูดี สามารถเลือกสีได้ (อ่านรายละเอียดสินค้า)

2. พื้นที่บนชั้นวางของไม่รก เน้นโล่งสบายตา

พื้นที่ต่างๆ ที่มองเห็นในไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะ บนชั้นวางของ หรือเป็นพื้น จะต้องมีพื้นที่เหลือให้มากหน่อย วางตกแต่งหรือวางเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรมีของวางอัดแน่นเต็มพื้นที่ แม้จะเรียงด้วยความเป็นระเบียบก็จะแค่ดูเป็นระเบียบ แต่ก็ยังผิดไปจากหลักความมินิมอลที่เน้นความโล่งสบายตา อย่างที่บอกว่าของที่เก็บก็ควรเป็นของใช้ที่จำเป็นต้องใช้ทุกวันจริงๆ เน้นประโยชน์ใช้สอย ของสะสมเอย ของดูต่างหน้าเอย ให้เก็บเข้ากล่องในห้องเก็บของไว้จะดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นไอเดียแต่งห้องนอนมินิมอลด้วยแล้ว การมีพื้นที่สะอาด ดูไม่รกตา จะช่วยเพิ่มความโล่งสบาย ไม่อึดอัดอีกด้วย

3. ควรเลือกใช้สีอ่อน หรือสีโมโนโทน

สีที่เลือกใช้ไม่ว่าจะกับเฟอร์นิเจอร์หรือผนังห้อง ควรเลือกใช้สีที่ดูกลาง ๆ และดูคลาสสิค เช่น สีขาว สีเบจ สีเทา หรือสีที่ดูธรรมชาติเอิร์ธโทนอย่างสีน้ำตาล ที่มีให้เลือกอยู่หลายเฉด แต่อย่าลืมว่าต้องคุมโทนให้เป็นโทนเดียวกันตลอด ไม่เอามายำรวมกันไปเรื่อย ให้เลือกสีหลัก แล้วเพิ่มมิติด้วยการตกแต่งด้วยสีอื่นเข้าไปแทน แบบนี้จะทำให้บ้านดูเป็นธรรมชาติไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เกิดความสับสนของโทนสี ไม่รู้สึกขัดหูขัดตา สร้างความน่าอยู่อาศัยมากขึ้นกว่าเดิม

4. น้อยแต่โก้ แต่ฟังก์ชันก็ต้องมา

ไม่ใช่แค่สำหรับการแต่งบ้านในสไตล์มินิมอลนะคะ ไม่ว่าจะสไตล์ไหน ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและการใช้งานควบคู่กันไปกับความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์ด้วย แต่ก็ไม่ต้องยึดติดมากไปว่าจะต้องใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ไซน์สุดล้ำ หัวใจสำคัญก็อย่างทำเราย้ำตลอดเลยคืออยู่ที่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ใช้งานจริง และเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกมาแบบมาอย่างคำนึงถึงผู้ใช้ และพื้นที่การใช้สอย ไม่กินที่โดนใช่เหตุ ไม่หวือหวาลวดลายเยอะ มีความเป็นโมเดิร์นเรียบๆ นี่คือเสน่ห์ที่จะช่วยเสริมความมินิมอลของบ้านคุณให้เปล่งประกายยิ่งกว่าเคย คำว่าน้อยแต่มากไม่ใช่แค่ทำพูดเก๋ ๆ แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงการเข้าใจความเป็นมินิมอลอย่างแท้จริง

5. เลือกไฟและของตกแต่งที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น

มากกว่าที่จะบอกว่าเป็นการเลือกไฟ ต้องพูดว่าการจัดไฟในห้องดีกว่า เพราะการเน้นความเรียบง่ายอาจทำให้ห้องดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา การจัดแสงให้ห้องดูอบอุ่นนั้นมีความสำคัญ ห้องสไตล์มินิมอลควรมีลักษณะที่สว่างไสว มีแสงแดดลอดเข้ามา หน้าต่างควรเป็นแบบเรียบๆ ผ้าม่านไม่มีลวดลาย

ในส่วนของการตกแต่งควรใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น แต่ละชิ้นนอกจากจะตกแต่งแล้ว ควรจะได้ใช้งานจริงด้วย ไม่ใช่เอามาวางทิ้งไว้เฉยๆ ของตกแต่งของห้องสไตล์มินิมอลส่วนใหญ่จะเน้นอะไรก็ตามที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เนื่องจากภาพรวมห้องจะดูเคร่งขรึมอยู่แล้วด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ การใช้สีอะไรต่างๆ ที่เน้นเรียบๆ ดีเทลของตกแต่งจริงควรเป็นส่วนที่เพิ่มชีวิตชีวา และความอบอุ่นน่าอยู่

การตกแต่งเพื่อความสวยงามอย่างเดียว ไม่เน้นใช้งานก็ใช้ว่าจะทำไม่ได้ สามารถทำได้ แต่ทำน้อยๆ และเน้นการตกแต่งที่เป็นสีโมโนโทน ไม่ฉูดฉาดละลานตาเกินไป

6. ใช้ Slatted walls เข้ามาช่วยในการตกแต่ง

Slatted walls คือแผ่นไม้ที่มาเรียงต่อๆ กันอาจเป็นบนผนังบ้าน กำแพงบ้าน หรือพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ก็ได้เช่นกัน นับเป็นลักษณะของการตกแต่งภายในที่เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์เฉพาะตัว คุมโทนได้แบบกำลังพอดี ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ดูธรรมดามากนัก ทำให้ห้องหรือพื้นที่เรียบๆ ดูมีโมเดิร์นขึ้น แต่ไม่ฉูดฉาดหรือยุ่งเหยิงจนเกินไป เป็นอีกความเหนือระดับที่ควรค่ากับการนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรับตกแต่งห้องแบบมินิมอล

7. ตกแต่งด้วยสีเขียวของต้นไม้

เป็นที่นิยมอย่างมากกับการปลูกต้นไม้ในบ้าน หากแต่งห้องออกมาดูแล้วเรียบเกินไป อยากจะแต่งห้องด้วยสีเขียวของต้นไม้รับรองว่ายังไงก็ไปกันได้กับสไตล์มินิมอล เพียงแต่ต้องอย่าตกแต่งเยอะเกินไป ต้นไม้ที่เลือกก็ไม่ควรจะฉูดฉาดหรือดูรก อาจจะเป็นต้นกระบองเพชรที่ดูเรียบ ๆ หรือต้นไม้ใบสีเขียวเข้มไม่มีลวดลายหวือหวา ไปจนถึงบรรดาต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น ยางอินเดีย ลิ้นมังกร เดหลี เฟิร์นบอสตัน เป็นต้น ซึ่งการมีต้นไม้ในบ้านยังถือเป็นจุดพักสายตาได้อย่างดีหากรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน

จบกันไปแล้วกับ 7 เทคนิคการแต่งบ้านแบบมินิมอล พอจะรู้แนวทางกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าหัวใจสำคัญของการแต่งบ้านสไตล์นี้ให้ออกมาเรียบแต่มีสไตล์นั้นต้องทำยังไง รับรองว่าถ้าก้าวสู่ความเป็นมินิมอล นอกจากจะได้ห้องสวยๆ แล้ว ยังทำให้ผ่อนคลาย สบายใจ ไม่ต้องมาเสียสุขภาพจิตกับอะไรที่รกหูรกตาอีกด้วย ถ้าสนใจก็อย่าลืมลองวางแผนดูนะคะว่าต้องซื้ออะไรบ้าง

7
การเริ่มต้นธุรกิจอาหารอาจเป็นวิธีสร้างรายได้ และขายตามแผนที่วางไว้

การเริ่มต้นธุรกิจอาหารเป็นความคิดที่ดีในการสร้างรายได้ แต่ต้องมีการวางแผนและการจัดการที่ดีเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนและเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

1. สำรวจความถนัดและความสนใจ:

ค้นหาเมนูที่ถนัด: เลือกเมนูอาหารที่คุณมีความเชี่ยวชาญและมั่นใจในรสชาติ เพื่อรักษาคุณภาพของอาหาร
ศึกษาตลาดและความต้องการ: สำรวจความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ของคุณ เพื่อเลือกเมนูที่ได้รับความนิยมและมีโอกาสในการขายสูง

2. วางแผนธุรกิจ:

กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: ระบุกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการเข้าถึง เช่น คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา หรือคนรักสุขภาพ
สร้างแบรนด์: พัฒนาชื่อร้าน โลโก้ และเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสร้างความน่าจดจำ
เลือกช่องทางการขาย: พิจารณาช่องทางการขายที่เหมาะสม เช่น ออนไลน์ (แอปพลิเคชันเดลิเวอรี่, โซเชียลมีเดีย) หรือออฟไลน์ (ตลาดนัด, จัดส่งตามออเดอร์)
กำหนดราคา: กำหนดราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนและตลาด เพื่อให้ได้กำไรที่เหมาะสม
วางแผนการตลาด: กำหนดกลยุทธ์การตลาดเพื่อโปรโมทร้านค้าของคุณ เช่น การใช้รูปภาพและวิดีโอที่น่าสนใจ การจัดโปรโมชั่น หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

3. เตรียมความพร้อม:

จัดเตรียมอุปกรณ์และสถานที่: ตรวจสอบและเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารให้พร้อมใช้งาน และจัดเตรียมสถานที่ทำอาหารให้สะอาดและถูกสุขอนามัย
จัดหาวัตถุดิบ: เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีและสดใหม่ เพื่อให้ได้รสชาติอาหารที่ดีที่สุด
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย และสวยงาม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
ขอใบอนุญาต (ถ้ามี): ตรวจสอบข้อกำหนดและขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารขายในบ้าน

4. เริ่มต้นธุรกิจ:

ทำอาหารและขาย: เริ่มต้นทำอาหารและขายตามแผนที่วางไว้
รับฟังความคิดเห็น: รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพื่อปรับปรุงคุณภาพและบริการ
พัฒนาตัวเอง: พัฒนาทักษะการทำอาหารและการจัดการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
จัดการการเงิน: จัดการรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ และวิเคราะห์ผลกำไรเพื่อปรับปรุงธุรกิจ

ตัวอย่างเมนูอาหารที่น่าสนใจ:

อาหารตามสั่ง (เช่น ข้าวผัด, กะเพรา, ผัดซีอิ๊ว)
อาหารคลีน/อาหารเพื่อสุขภาพ (เช่น สลัด, อาหารกล่อง, น้ำผักผลไม้)
ขนมโฮมเมด (เช่น เค้ก, คุกกี้, ขนมไทย)
อาหารว่าง/ของทานเล่น (เช่น ลูกชิ้นทอด, ไก่ทอด, ขนมปังปิ้ง)

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

สร้างความแตกต่าง: คิดค้นสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ หรือใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ
ทำการตลาด: ใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทร้านค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
จัดการต้นทุน: ควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาตัวเอง: เรียนรู้และปรับปรุงธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นธุรกิจอาหารของคุณ

8
หมอออนไลน์: ฝีรอบทวารหนัก (Perianal Abscess)

ฝีรอบทวารหนัก (Perianal Abscess) คือภาวะที่มีการสะสมของหนองอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณรอบๆ ทวารหนัก หรือในเนื้อเยื่อข้างเคียง เป็นภาวะที่พบบ่อยและสร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแก่ผู้ป่วยครับ

สาเหตุของฝีรอบทวารหนัก
สาเหตุหลักของฝีรอบทวารหนักเกือบทั้งหมด (ประมาณ 90%) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียใน ต่อมสร้างเมือกเล็กๆ ที่อยู่ภายในทวารหนัก (Anal Glands) ซึ่งปกติมีหน้าที่ผลิตเมือกมาหล่อลื่นช่องทวารหนัก

เมื่อท่อของต่อมเหล่านี้เกิดการอุดตัน (เช่น จากอุจจาระ, สิ่งแปลกปลอม) แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ก็จะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นภายในต่อม ทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นหนองสะสมอยู่รอบๆ ทวารหนัก


สาเหตุอื่นๆ ที่พบน้อยกว่า ได้แก่:

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง: เช่น โรคโครห์น (Crohn's disease)

โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยเบาหวานมักมีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

การติดเชื้อบางชนิด: เช่น วัณโรค

ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS


การบาดเจ็บหรือแผลบริเวณทวารหนัก:

ตำแหน่งของฝี
ฝีรอบทวารหนักสามารถแบ่งตามตำแหน่งที่เกิดได้หลายชนิด แต่ชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือ:

Perianal Abscess: เกิดอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณรอบปากทวารหนัก มักมองเห็นหรือคลำได้ง่ายที่สุด

Ischiorectal Abscess: เกิดอยู่ลึกเข้าไปในช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อก้น มักมีขนาดใหญ่กว่าและทำให้เกิดอาการเจ็บปวดรุนแรง

Intersphincteric Abscess: เกิดอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักชั้นในและชั้นนอก

Supralevator Abscess: เกิดอยู่เหนือกล้ามเนื้อหูรูด เป็นชนิดที่อยู่ลึกที่สุดและวินิจฉัยได้ยาก


อาการของฝีรอบทวารหนัก

อาการมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง:

ปวดมาก: เป็นอาการเด่นที่สุด มักปวดตื้อๆ บริเวณรอบทวารหนัก ซึ่งจะปวดมากขึ้นเมื่อนั่ง, เดิน, ไอ, หรือขับถ่ายอุจจาระ อาการปวดมักจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

บวมและแดง: ผิวหนังบริเวณรอบทวารหนักจะบวมแดง และอาจคลำได้เป็นก้อนนูนร้อนๆ

เจ็บเมื่อสัมผัส: บริเวณที่เป็นฝีจะรู้สึกเจ็บมากเมื่อกดหรือสัมผัส

มีไข้และหนาวสั่น: หากมีการติดเชื้อรุนแรง หรือฝีมีขนาดใหญ่ อาจมีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย

ขับถ่ายลำบาก: เนื่องจากความเจ็บปวด ทำให้ผู้ป่วยมักกลั้นอุจจาระ

อาจมีหนองไหล (ในบางกรณี): หากฝีแตกเอง หนองอาจไหลออกมาจากรูที่ผิวหนัง


การวินิจฉัย
แพทย์สามารถวินิจฉัยฝีรอบทวารหนักได้จากการ:

ซักประวัติและอาการ: สอบถามอาการปวด ลักษณะการขับถ่าย

ตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจบริเวณรอบทวารหนักด้วยการคลำ หากฝีอยู่ตื้นก็จะคลำพบก้อนบวมร้อนและกดเจ็บได้ชัดเจน

ตรวจทวารหนักด้วยนิ้ว (Digital Rectal Exam): ในกรณีที่ฝีอยู่ลึก แพทย์อาจต้องสอดนิ้วเข้าไปตรวจทางทวารหนักเพื่อคลำหาฝี

ภาพวินิจฉัย (Imaging): ในบางกรณีที่ฝีอยู่ลึก หรือไม่แน่ใจตำแหน่ง อาจพิจารณาทำ MRI หรือ CT Scan เพื่อช่วยระบุตำแหน่งและขนาดของฝี

การรักษาฝีรอบทวารหนัก
การรักษาหลักของฝีรอบทวารหนักคือ การระบายหนองออก (Incision and Drainage - I&D) การใช้ยาปฏิชีวนะเพียงอย่างเดียวมักไม่เพียงพอ เนื่องจากยาไม่สามารถซึมเข้าไปในหนองได้ดี และหากไม่ระบายหนองออก เชื้ออาจแพร่กระจายและทำให้อาการแย่ลง


การผ่าตัดระบายหนอง:

เป็นการรักษามาตรฐาน แพทย์จะทำการกรีดเปิดผิวหนังบริเวณที่เป็นฝีเพื่อระบายหนองออกมาให้หมด

อาจทำโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ หรือดมยาสลบ ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของฝี

หลังระบายหนอง แพทย์อาจใส่ผ้าก๊อซชิ้นเล็กๆ เข้าไปในโพรงฝี เพื่อช่วยดูดซับของเหลวและให้แผลระบายหนองได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้ป่วยมักจะรู้สึกสบายขึ้นมากทันทีหลังระบายหนอง


ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics):

แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีไข้สูง, มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง, เป็นเบาหวาน หรือมีการติดเชื้อแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย

แต่ย้ำว่ายาปฏิชีวนะไม่สามารถใช้แทนการระบายหนองได้


การดูแลหลังการผ่าตัด:

แช่ก้นในน้ำอุ่น (Sitz Bath): ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดบวม และทำความสะอาดแผล

ทำความสะอาดแผล: รักษาความสะอาดบริเวณแผลตามคำแนะนำของแพทย์

ยาแก้ปวด: ใช้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการไม่สบาย

ติดตามผล: แพทย์จะนัดติดตามผลเพื่อดูการหายของแผล

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่สุดของฝีรอบทวารหนักคือการเกิด ริดสีดวงทวารหนักชนิดฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula) ซึ่งเกิดจากการที่หนองกัดเซาะผนังลำไส้และผิวหนังรอบทวารหนัก จนเกิดเป็นทางเชื่อมผิดปกติระหว่างช่องทวารหนักกับผิวหนังภายนอก หนองจะไหลออกมาจากรูทวารภายนอกเรื้อรัง และมักต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข

คำแนะนำ:
หากคุณหรือคนรู้จักมีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณรอบทวารหนัก โดยเฉพาะมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องอย่างเร่งด่วน การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ฝีขยายใหญ่ขึ้น หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ครับ


9
ฉนวนกันความร้อนกับการประหยัดพลังงาน

ฉนวนกันความร้อนกับการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรม

อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องเปิดใช้งานระบบปรับอากาศตลอด 24 ชม. ย่อมมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าสูง การใช้วัสดุประเภทฉนวนกันความร้อน เป็นวิถีทางหนึ่งในการลดความสูญเสียพลังงานที่ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากสามารถช่วยลดการสูญเสียความร้อนและรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ต้องการ

โดยธรรมชาติแล้ว ความร้อนจะเคลื่อนที่จากที่อุณหภูมิสูงไปยังที่ที่มีอุณหภูมิต่ำเสมอ หลักการทำงานของฉนวนกันความร้อนก็คือ ทำหน้าที่ชะลอการเคลื่อนที่ของความร้อนนี้ ซึ่งวัสดุฉนวนกันความร้อนที่ใช้งานกันทั่วไป ได้แก่ ฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ ฉนวนกันความร้อน, ฉนวนกันความร้อนแบบโฟม, ฉนวนใยแก้ว และ ฉนวนใยหิน แต่ก่อนที่เราจะทำการเลือกวัสดุฉนวนกันความร้อนสำหรับใช้ในอุตสากรรมของเรานั้น เราน่าจะมาทำความรู้จักกับคุณลักษณะเฉพาะของวัสดุฉนวนกันความร้อน แต่ละชนิดกันสักเล็กน้อย

1. วัสดุฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ ความมันวาวของผิวแผ่นฟอยล์ มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อน ข้อดีคือทนความชื้น ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ ไม่ฉีกขาดง่าย
2. วัสดุฉนวนกันความร้อนแบบโฟม เช่น พอลิไอโซไซยานูเรต (PIR แท้ๆ) มีข้อดี คือ เป็นฉนวนกันความร้อนที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ห้องเย็นไปจนถึงห้องอบ กันความร้อน ช่วยรักษาอุณหภูมิ และกันไฟได้

3. วัสดุฉนวนใยแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า ไมโครไฟเบอร์ มีโพรงอากาศเล็กๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งแทรกอยู่ระหว่างเส้นใยแก้วจะทำหน้าเก็บกักความร้อนไว้และลดการส่งถ่ายความร้อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง นอกจากนี้โพรงอากาศเล็กๆ เหล่านั้นสามารถลดทอน พลังงานเสียงที่ผ่านเข้ามาให้เหลือพลังงานที่สะท้อนออกไปน้อยลง วัสดุฉนวนใยแก้วจัดเป็นฉนวนกันความร้อนและดูดซับเสียงที่มีประสิทธิภาพมีความอ่อนตัวและคืนตัวดี สามารถทนไฟได้ประมาณ 300 องศาเซลเซียส ปัจจุบันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าใยแก้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ จึงยังคงเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไป

4. วัสดุฉนวนใยหิน จัดเป็นเส้นใยจากธรรมชาติที่ไม่มีสารประกอบของ แอสเบสตอส (Asbestos) จึงปลอดภัยต่อสุขภาพ สมบัติในการกันความร้อนและดูดซับเสียง เทียบเท่ากับฉนวนใยแก้วแต่สามารถทนไฟได้ดีกว่า ทั้งวัสดุฉนวนชนิดใยแก้วและใยหิน มีข้อด้อยคือไม่ทนทานต่อความเปียกชื้น เช่น ฉนวนใยหินร็อควูล (Rockwool)

สรุปหลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการพิจารณาเลือกใช้วัสดุฉนวนกันความร้อน คือ

    ความสามารถในการป้องกันความร้อนช่วงอุณหภูมิการใช้งาน
    การเปลี่ยนรูปร่างเมื่อได้รับความร้อน
    การกันน้ำและความชื้น
    การทนต่อแมลงและเชื้อรา
    ความปลอดภัยต่อสุขภาพ
    การเสื่อมสภาพและความต้องการการบำรุงรักษา

เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อวัสดุฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสมและสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้แล้ว ซึ่งนอกจากจะประหยัดเงินในกระเป๋าแล้วยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงาน

10
บริการด้านอาหาร: โรคลำไส้แปรปรวน ควรเลือกรับประทานอาหารอย่างไรให้เหมาะสม!

การดูแลสุขภาพของเราให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ยังอยู่ในช่วงของการมีโรคระบาดที่รุนแรง และเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายถึงชีวิต ซึ่งการดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด เพราะปกติแล้ว คนเราจะต้องรับประทานอาหารทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร เพื่อเปลี่ยนไปเป็นพลังงานให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังนั้น อาหารจึงมีส่วนและมีผลกระทต่อการดำรงชีวิตของเรา หากเรารับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือมีพฤติกรรมการับประทานอาหารที่ผิดแน่นอนว่า จะทำให้เรามีปัญหาสุขภาพ และถ้าเรามีปัญหาสุขภาพ ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น เราควรเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

นอกจากนี้ อาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันยังมีผลต่อการกำหนดประเภทและความหลากหลายของแบคทีเรียในลำไส้ เพราะฉะนั้น การหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ก็จะเป็นเรื่องที่ดี และมีส่วนช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวนหรือลำไส้ระคายเคืองได้ ต้องบอกเลยว่า โรคลำไส้แปรปรวน เป็นโรคที่ส่งผลให้การทำงานของลำไส้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการท้องเสีย ท้องผูก หรือมีอาการท้องเสียและท้องผูกสลับกัน ทั้งนี้ อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้ง โรคนี้มักมีอาการเกิดขึ้นตลอดชีวิต และปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด ซึ่งถือว่าเราจะต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารให้มากยิ่งขึ้น

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการเลือกรับประทานอาหาร สำหรับคนที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน เพื่อให้การรับประทานอาหารมีความเหมาะสมกับอาการป่วยและยังดีต่อลำไส้อีกด้วย สำหรับอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยลำไส้แปรปรวน คืออาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่าง ผัก ผลไม้และธัญพืชเต็มเมล็ด จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถขับถ่ายได้ดีขึ้นและป้องกันอาการท้องผูก

แต่หากผู้ป่วยมีอาการท้องอืดเนื่องจากการรับประทานไฟเบอร์จากธัญพืชมากเกินไป ควรเน้นผักและผลไม้แทน แต่อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนที่มีอาการท้องเสีย ก็ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น ควรรับประทานแอปเปิล เบอร์รีชนิดต่าง ๆ แครอท หรือข้าวโอ๊ต เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีใยอาหารที่ละลายน้ำ เพื่อไม่ให้ปริมาณไฟเบอร์ในร่างกายมากเกินไป ต่อมาคือ อาหารไขมันต่ำ โดยทั่วไปอาหารที่มีไขมันสูงจะมีปริมาณไฟเบอร์ต่ำ


ซึ่งเป็นอาหารที่ทำให้อาการของโรคลำไส้แปรปรวนรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียและท้องผูกรวมกัน ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ จะช่วยให้ลำไส้สามารถทำงานได้ดีขึ้นจึงควรรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน ผัก ผลไม้ ธัญพืชและผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ สำหรับอาหารที่ควรเลี่ยง ก็ได้แก่ กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม การรับประทานเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายในน้ำ เช่น แป้งโฮลวีท รำข้าวสาลี ดอกกะหล่ำ และมันฝรั่ง ถั่วชนิดต่าง ๆ อาหารแปรรูปอย่างมันฝรั่งทอดและคุ้กกี้ หมากฝรั่งไม่มีน้ำตาล ของทอด และไม่ควรรับประทานอาหารปริมาณมากในแต่ละมื้อ   

นอกจากนี้ ควรทดลองหลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นให้เกิดอาการ เริ่มจากการลองงดการรับประทานอาหารแต่ละชนิดเป็นเวลา 12 สัปดาห์และทดลองครั้งละ 1 อย่าง และบันทึกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนการทดลองกับอาหารชนิดต่อไป ที่สำคัญควรออกกำลังกายและผ่อนคลายร่างกายไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร เช่น เดิน ปั่นจักรยาน และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอาหารอย่างไม่เร่งรีบ เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถช่วยให้อาการของลำไส้แปรปรวนดีขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรพยายามรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานในแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย  ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด  เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บด้วย

11
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)

โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบในเด็กเล็ก ส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง มักพบติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งอาจมีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือผู้สูงอายุ โรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น ไวรัส โคโรนา (coronavirus) ไวรัสอะดีโน (adenovirus) ไวรัสแอสโตร (astrovirus) ไวรัสคาลิซิ (calicivirus) ไวรัสนอร์วอล์ก (Norwalk virus) เป็นต้น ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ บางชนิดก็อาจติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือการปนเปื้อนเชื้อในอุจจาระเข้าทางเดินหายใจ (fecal respiratory transmission)

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องเดินเฉียบพลัน ซึ่งพบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6-24 เดือน) ได้แก่ ไวรัสโรตา (rotavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย และสามารถติดต่อทางการหายใจได้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน

อาการ

มักมีไข้สูง ถ่ายเป็นน้ำบ่อย อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย มักจะเป็นอยู่นานเพียงไม่กี่วัน แต่บางรายอาจนาน 1-2 สัปดาห์

สำหรับโรคท้องเดินจากไวรัสโรตา เริ่มแรกจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนนำมาก่อน แล้วจึงมีอาการถ่ายเป็นน้ำตามมา อุจจาระมีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักมีไข้สูงร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย อาการมักเป็นอยู่นาน 5-7 วัน ในรายที่เป็นไม่มากก็มักจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรง ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง

อาจทำให้เกิดภาวะพร่องแล็กเทส เนื่องจากเยื่อบุลำไส้เล็กที่อักเสบไม่สามารถสร้างเอนไซม์ชนิดนี้ชั่วคราว ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังตามมาได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งอาจตรวจพบไข้ และภาวะขาดน้ำ

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้-พาราเซตามอล และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่

2. หากกินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ


การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำร่วมกับไข้ หรือสงสัยมีอาการท้องเดินจากไวรัส ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ 1/2-1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม 

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเล
    หลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ 
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

1. ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันท้องเดิน

2. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอ จาม ควรปิดปาก อย่าไอหรือจามรดใส่ผู้อื่น

3. ผู้ดูแลทารกหรือเด็กเล็ก (เช่น ในสถานรับเลี้ยงเด็ก) ควรล้างมือกับสบู่ทุกครั้งที่ชำระก้นเด็กหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมกับท้องเดิน บางรายจึงเรียกว่า "หวัดลงกระเพาะ" หรือ "ไวรัสลงกระเพาะ"

2. อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ หรือบิดชิเกลลา ระยะแรกหลังให้การรักษาควรเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดตามมาควรให้การรักษาแบบบิดชิเกลลา

3. ถ้ามีภาวะพร่องแล็กเทสตามมา ควรให้เด็กงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน และให้การดูแลแบบภาวะพร่องแล็กเทส

12
เที่ยววัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดพระแก้ว เป็นที่สุดแห่งวัดงามและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยเลยค่ะ การได้มาเยือนวัดพระแก้วถือเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจเสมอ เพราะไม่ใช่แค่วัด แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ พระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในอดีต และยังคงใช้ในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ในปัจจุบัน

ความสำคัญและสิ่งที่น่าสนใจของวัดพระแก้ว
วัดพระแก้วสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ.ศ. 2325 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ไม่ได้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาเหมือนวัดทั่วไป แต่เป็นวัดที่ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ และเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย

พระอุโบสถ: เป็นอาคารหลักที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ภายในพระอุโบสถงดงามด้วยจิตรกรรมฝาผนัง และเครื่องประดับตกแต่งวิจิตรงดงาม

พระแก้วมรกต: พระพุทธรูปปางสมาธิที่แกะสลักจากหยกสีเขียวมรกต (หรือแจสเปอร์) ประดิษฐานอยู่บนบุษบกทองคำสูงเด่น มีการเปลี่ยนเครื่องทรงตามฤดูกาล (ร้อน ฝน หนาว) โดยพระมหากษัตริย์

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์: รอบระเบียงคดของวัด มีจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก แสดงเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ทั้งหมด 178 ห้อง เป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อนและงดงาม ควรค่าแก่การเดินชม

ปราสาทพระเทพบิดร: อาคารทรงปราสาทที่สวยงาม เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของอดีตพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี

พระศรีรัตนเจดีย์: เจดีย์ทรงกลมแบบลังกาขนาดใหญ่ สีทองอร่าม ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

หอพระมณเฑียรธรรม: หรือหอพระไตรปิฎก ที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกโบราณ

รูปปั้นต่างๆ: ภายในวัดมีรูปปั้นสำคัญหลายจุด เช่น ยักษ์ทวารบาลที่เฝ้าประตู, รูปปั้นสัตว์หิมพานต์, และเทวดาต่างๆ ที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณ


การเดินทางและการเตรียมตัว

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในบริเวณพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ

การเดินทาง:

รถไฟฟ้า BTS: ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วต่อเรือด่วนเจ้าพระยา (ธงส้มหรือธงเขียว) ไปลงท่าช้าง แล้วเดินต่อ

รถเมล์: มีหลายสายที่ผ่าน เช่น สาย 1, 3, 25, 44, 47, 53, 82, 91, 508

แท็กซี่/Grab: สามารถเรียกไปได้โดยตรง

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 15.30 น.

ค่าเข้าชม: สำหรับชาวต่างชาติ 500 บาท / ชาวไทยเข้าชมฟรี


ข้อแนะนำเพื่อการเยี่ยมชมที่ดีที่สุด

แต่งกายสุภาพ:

ผู้หญิง: สวมเสื้อมีแขน ไม่รัดรูป ไม่เปิดไหล่ (เช่น เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต) กางเกงขายาว หรือกระโปรงยาวคลุมเข่า ห้ามใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด

ผู้ชาย: สวมเสื้อมีแขน (เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล) กางเกงขายาว ห้ามใส่กางเกงขาสั้น

รองเท้า: ควรเป็นรองเท้าที่เดินสะดวก เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างกว้าง และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าพระอุโบสถ (แต่ก็ไม่ได้บังคับสำหรับพื้นที่ภายนอก)

หากแต่งกายไม่สุภาพ มีจุดบริการให้ยืมผ้าถุงหรือกางเกงขายาวได้ (มีค่ามัดจำ)

ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรไปแต่เช้าตรู่ (ช่วงเปิดทำการ) เพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนและอากาศร้อนจัด การเดินชมช่วงเช้าจะสบายกว่ามาก

วางแผนการเดิน: วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังมีพื้นที่กว้างใหญ่และรายละเอียดเยอะ หากมีเวลาไม่มาก ควรวางแผนว่าจะเน้นชมส่วนไหนบ้าง

ความเคารพ: เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรสำรวมกิริยา วาจา และงดใช้เสียงดัง

การถ่ายภาพ: สามารถถ่ายภาพได้ในบริเวณโดยรอบ แต่ภายในพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

การมาเยือนวัดพระแก้วเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ที่คุณจะได้สัมผัสความงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยชั้นสูง รวมถึงความสงบและความศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงค่ะ

13
โรคความดันโลหิตสูง อาการเป็นยังไง สาเหตุของความดันโลหิตสูง

บางท่านอ่านหัวข้อแล้วอาจจะรู้สึกตกใจว่า 'โรคความดันโลหิตสูง' เป็นสุดฮิตที่พบมากถึง 30-45% และเมื่อเป็นแล้วจะเกิดโรคร้ายตามมา เช่น อัมพฤกษ์-อัมพาต ภาวะหัวใจวาย โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไต หรือแม้แต่อาการผิดปกติอย่างอาการปวดต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม บางท่านที่เป็นอาจยังไม่มีอาการอะไร แต่หากปล่อยไว้นานจะเกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้ หมอจึงขอนำเสนอหนทางรักษาโรคที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยและญาติที่เป็นโรคนี้ค่ะ 
 
โรคความดันโลหิตสูง

     โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือ ภาวะที่แรงดันของเลือดที่มีต่อผนังเลือดสูงพอที่อาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจต่าง ๆ ได้ในระยะยาว ความดันโลหิตแปรผันด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ 

    ปริมาณเลือดที่ถูกปั๊มออกจากหัวใจ
    แรงต้านการไหลเวียนของเลือด (กำหนดด้วยความแคบของหลอดเลือด)
    หากปริมาณเลือดที่ถูกปั๊มออกจากหัวใจสูงขึ้นจะทำให้ความดันยิ่งสูงขึ้น
    หากหลอดเลือดแคบลงจะเกิดแรงต้านการไหลเวียนของเลือด เหมือนกับแรงดันในระบบการจ่ายน้ำในบ้านเรา ถ้าเราไม่ทำความสะอาดท่อ ปริมาณตะกอนยิ่งมากขึ้น ทำให้ท่อแคบลงและเพิ่มแรงต้านการไหลเวียนของเลือดจนทำให้ความดันสูงขึ้น

อาการของโรคความดันโลหิตสูง

     บางคนที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่หลายปีอาจไม่มีอาการใด แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง บางรายอาจมีอาการปวดหัว เลือดกำเดาไหล หายใจไม่ทัน ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีก็ต่อเมื่อมีความดันสูงมากจนอยู่ในเกณฑ์อันตรายและอาจเสียชีวิตได้

สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง

โดยทั่วไปโรคความดันโลหิตสูงเกิดได้ใน 2 แบบ ได้แก่

    Primary hypertension ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจะพบในเวลาที่เราแก่ตัวลง
    Secondary hypertension ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากโรคอื่นหรือผลข้างเคียงของการใช้ยาหรือการใช้สารเสพติด สำหรับคนที่ตกอยู่ในประเภทนี้ อาจจะมีความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยโรคอื่นที่ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง ได้แก่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ปัญหาไต เนื้องอกในต่อมหมวกไต ปัญหาไทรอยด์ หรือแม้แต่ความผิดปกติของเส้นเลือดตั้งแต่กำเนิด


​ผลข้างเคียงของการใช้ยา

    ยาคุม ยาแก้หวัด ยาระบาย ยาแก้ปวด และอื่นๆ
    โคเคน ยาบ้า
    การดื่มแอลกอฮอล์

เราสามารถควบคุมความดันโลหิตสูงได้แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการป้องกัน

ปัจจัยเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง

    อายุ ความดันโลหิตยิ่งสูง ถ้าอายุมากโดยเฉพาะผู้ชาย
    พันธุกรรม ผู้ที่มีบิดาและมารดาเป็นโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดโรคความดันสูง
    น้ำหนักเกินหรืออ้วน สัมพันธ์กับอัตราการเกิดความดันโลหิตสูงที่เพิ่มสูงขึ้น
    การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นทันทีและสามารถไปทำร้ายผนังเส้นเลือดจนทำให้ผนังเล็กลง
    เกลือโซเดียม โพแทสเซียม วิตามินดี โซเดียม มีหน้าที่กักน้ำไว้ในร่างกาย หากมีปริมาณน้ำมากเกินจะทำให้ความดันโลหิตสูง ควรควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนปริมาณวิตามินดีจะส่งผลต่อเอนไซม์ในไตที่ควบคุมความดันโลหิต
    แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในระยะยาว อาจทำให้หัวใจมีปัญหา ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน ผู้หญิงไม่เกิน 1 แก้ว ต่อวัน


ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง

    โรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เส้นเลือดหัวใจหนาและแข็งขึ้นซึ่งอาจทำให้หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและอื่น
    หลอดเลือดสมองโป่งพอง ผนังเส้นเลือดอ่อนตัวลง และโป่งพองจนแตกได้
    หัวใจล้มเหลว พอมีความดันสูง หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปั๊มเลือดไปทุกส่วนของร่างกาย กล้ามเนื้อที่หัวใจจึงหนาขึ้น ในระยะยาวหัวใจอาจไม่สามารถปรับตัวได้อีกจนไม่สามารถปั๊มเลือดไปส่งได้พอเพียง หรืออาจมีผลต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
    โรคไตเสื่อม ทำให้ไตถูกทำลายและไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
    ภาวะเมทาบอลิกซินโดรม การที่ระบบเผาผลาญมีความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ไขมันในเลือดชนิดดี (HDL Cholesterol) ต่ำ ความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
    ปัญหาด้านการจำและทำความเข้าใจ ทำให้ความสามารถในการคิด จดจำ และเรียนรู้ต่ำลง


เมื่อรู้ว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องตรวจอะไรบ้าง

ตามแนวทางการรักษาของสมาคมโรคหัวใจยุโรปควรจะต้องตรวจหาว่า ความดันโลหิตสูงได้ทำลายอวัยวะภายในโดยที่เรายังไม่มีอาการหรือเปล่า ซึ่งจะมีผลต่อให้แพทย์เลือกใช้ยารักษาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

    การหาภาวะหัวใจโต ทำได้หลายวิธีตั้งแต่ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) หรือการทำอัลตราซาวนด์หัวใจ (Echocardiogram)  ตรวจภาวะไตเสื่อมและการรั่วของโปรตีนจากไต เจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ
    ตรวจค่าหลอดเลือดแข็งตัว ABI และตรวจหาโรคร่วมที่มาพร้อมกับความดันโลหิตสูง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
     

การวัดค่าความดันโลหิต

ความดันโลหิตสูงสามารถวัดด้วย "เครื่องวัดความดัน" ซึ่งวัดได้จากท่อนแขนส่วนบนจนปรากฏเป็น 2 ค่า ได้แก่

    ความดันช่วงบน (Systolic pressure) ค่าความดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว ซึ่งอาจจะสูงตามอายุ อารมณ์ ปริมาณการออกกำลังกาย
    ความดันช่วงล่าง (Diastolic pressure) คือค่าความดันเลือดขณะหัวใจคลายตัว โดยค่าที่จัดว่าผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์เป็นโรคความดันโลหิตสูงในแต่ละช่วงวัย (Sytolic/diastolic) แบ่งได้ดังนี้
        ความดันโลหิตสูงสำหรับผู้สูงอายุ            150/90 มม.ปรอท
        ความดันโลหิตสูงสำหรับคนอายุน้อย         140/90 มม.ปรอท
        ความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว   140/90 มม.ปรอท


การรักษาโรคความดันโลหิตสูง

วัตถุประสงค์เพื่อควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การรักษาโรคความดันโลหิตสูงจึงแบ่งได้ 2 วิธี ได้แก่

    การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิต เช่น ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์ ควบคุมน้ำหนัก
    การรักษาด้วยยา ช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความดันโลหิตสูงได้ โดยผู้ป่วยแต่ละคนจะตอบสนองต่อยาชนิดต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งแพทย์จะปรับยาให้เหมาะสมตามแต่บุคคล


ต้องรักษาไปนานแค่ไหน จำเป็นต้องทานยาตลอดหรือไม่

     เป้าหมายคือการคุมความดันให้ได้ตามเกณฑ์ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามภาวะของผู้ป่วย โดยทั่วไปถือให้ความดันไม่เกิน 140/90 แต่ถ้าอายุมากหมอจะขยับเป็นไม่เกิน 150 ค่ะ ถ้าคุมได้ ไม่ว่าจะใช้ยาหรือปรับพฤติกรรม ก็พบว่าผู้ป่วยมีอัตราตายลดลง หรือพูดง่ายๆ ว่าอายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้รักษา ดังนั้นโรคนี้จำเป็นต้องรักษาต่อเนื่อง หากความดันดีแล้วคุณหมออาจจะลดยาหรืออาจจะไม่ต้องใช้ยาแล้วก็ได้ค่ะ

การรักษาความดันโลหิตสูง โรคฮิตร้ายกาจที่ไม่ออกอาการอะไร ทำได้ง่ายหากเราใส่ใจตัวเอง ทานยาต่อเนื่อง ปรับพฤติกรรมและเข้าพบแพทย์ตามนัด ผลตอบแทนที่ได้คือสุขภาพที่ดี ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน ช่วยเหลือตัวเองได้และมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย อย่าลืมดูแลตัวเองนะคะ

14
จัดฟันเด็ก ควรเริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก เพื่อโครงหน้าที่ดูดี !

หากย้อนไปในสมัยอดีต จะทราบกันดีว่ามีความเชื่อหนึ่งที่ติดอยู่ในสังคมประเทศไทย คือ เด็กเล็กๆไม่ควรจัดฟัน ควรไปเริ่มจัดฟันในขณะที่เจริญเติบโตแล้ว เพราะการจัดฟันในเด็กเล็กจะทำให้ฟันมีปัญหา ?

แต่ในปัจจุบันนี้ ชุดกระบวนความคิดดังกล่าวถือว่าถูกลบล้างออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะ มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับทันตกรรมศาสตร์ ได้พบว่า ฟันที่เสียไม่ว่าจะ ฟันเก สบฟัน หรือ โรคเกี่ยวกับกระดูกขากรรไกร รวมถึงโครงสร้างใบหน้า สามารถรักษาได้ด้วยการจัดฟันตั้งแต่ในวัยเด็ก หรือ วัยก่อนก่อนเจริญเติบโตเต็มที่ จะเห็นผลที่ดีกว่าในช่วงวัยเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว

โดยในวันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กเล็ก เพื่อลบล้างความเชื่อผิดๆในอดีต โดยมีดังต่อไปนี้


อายุเท่าไหร่ เหมาะสมต่อการจัดฟัน ?

เมื่อสมัยก่อนหลายๆคนอาจจะรอจนถึงอายุ 18 ปี หรือ 20 ปี ถึงจะเริ่มมีความคิดที่จะเข้ารับการจัดฟัน แต่จากการศึกษาพบว่า ช่วงอายุประมาณ 6-7 ขวบ หรือต่ำกว่า 10 ขวบ สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว และที่สำคัญฟันเด็กเล็กจะมีการเรียงตัวกันสวยงามเป็นธรรมชาติ และประสบความสำเร็จในการจัดฟันง่ายกว่าในช่วงวัยรุ่น หรือวัยหยุดการเจริญเติมโตแล้ว

ดังนั้น ผู้ปกครองที่มีลูกในช่วยวัยเด็กเล็ก หรือ อายุต่ำกว่า 10 ขวบ ควรรีบพาเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตัวเช็คสิ่งผิดปกในของฟัน เพื่อให้ได้รับการแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไปนั่นเอง


ฟันเด็กเล็ก แบบไหนที่ควรรีบจัดฟัน ?

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าในยุคสมัยนี้ ได้มีนวัตกรรมทางทันตกรรมที่เรียกว่า EF Line ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์จัดฟันเด็กเล็ก ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าสามารถช่วยให้ฟันของเด็กที่มีความผิดปกติกลับมาเป็นธรรมชาติได้โดยที่ไม่ต้องรอให้โตก่อน อีกทั้งยังสามารถทำให้โครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติเช่น คางยื่น คางยุบ สามารถกลับมาอยู่ในสภาพปกติได้อีกด้วย โดยเด็กเล็กที่มีรูปแบบฟัน หรือพฤติกรรมแบบไหนที่ควรรีบจัดฟัน ดังต่อไปนี้

– ฟันหน้ายื่น ถ้าหากว่าถ้าเด็กเล็กๆมีฟันในลักษณะนี้ ควรเข้ารับการจัดฟันเพื่อเข้าเข้าที่เป็นธรรมชาติ เพื่อนให้เด็กมีบุคลิกภาพที่ดี รวมถึงเด็กที่มีฟันหน้ายื่นมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุฟันหักจากการถูกกระแทกมากกว่าเด็กเล็กที่มีฟันหน้าเรียงตัวปกติ

– การสบฟันผิดปกติ หากพบว่าเด็กเล็กๆมีการสบฟันที่ผิดธรรมชาติ ไม่ว่าจะบนสบล่าง หรือล่างสบบน ควรรีบทำการจัดฟัน เพื่อให้การเรียงตัวของฟันกลับมาเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยให้ขากรรไกรไม่เกิดความผิดปกติอีกด้วย

– ช่องฟันห่าง หากมีรูปแบบฟันที่ห่าง จะทำให้ฟันแท้ที่เตรียมจะขึ้นมาแทนที่ เกิดการเกหรือทับซ้อน เรียงตัวกันไม่สวยได้ จึงควรรีบทำการจัดฟันก่อนที่ฟันแท้จะขึ้นมาแล้วก่อปัญหาในอนาคตได้

– ขากรรไกรมีความผิดปกติ ไม่ได้สัดส่วนกับใบหน้า ซึ่งในยุคสมัยนี้ มีนวัตกรรมทางทันตกรรมที่เรียกว่า EF line ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดฟันในเด็กเล็ก ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าได้ผมดีมากสำหรับเด็กเล็กๆในเรื่องทำให้ฟันที่เรียงตัวผิดปกติกลับมาเป็นปกติได้ และยังทำให้โครงสร้างใบหน้ากลับมาเข้ารูปดังเดิมได้อีกด้วย

– มีอาการกลืนอาหารที่ผิดปกติ

– เด็กที่มีพฤติกรรม กัดเล็บ ดูดนิ้ว เป็นประจำ

– เด็กมีพฤติกรรมการนอนกรนเป็นประจำ


วิธีการดูแลรักษา หลังจากเด็กเล็กเข้ารับการจัดฟัน !

หลังจากที่เด็กเล็กเข้ารับการจัดฟันแล้วไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะละเลยได้ ยิ่งจัดฟันยิ่งจำเป็นต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีกว่าปกติยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนเบื้องต้นดังต่อไปนี้

– แปรงฟันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เช้า (ตื่นนอน) และ เย็น (ก่อนนอน) เพื่อกำจัดคราบเศษอาหารและขนมต่างๆที่เด็กเล็กรับประทานเข้าไป

– พยายามให้บุตรหลานที่จัดฟันบ้วนปากทุกครั้ง หลังจากที่รับประทานอาหารหรือขนม

– ก่อนนอนทุกวันพยายามบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์

– พยายามช่วยบุตรหลานขัดฟันหลังจากแปรงฟันทุกครั้ง เพื่อขจัดคราบเศษอาหารที่ไม่สามารถแปรงฟันถึง

– ล้างอุปกรณ์จัดฟันเป็นประจำ

– พาบุตรหลายเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ หรือ ทุกครั้งที่อุปกรณ์จัดฟันมีปัญหา

15
เตรียมพร้อมสุขภาพฟัน ก่อนเข้ารับการจัดฟันเด็ก

ในปัจจุบันเด็กหลายคนมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากละเลยในการทำความสะอาดช่องปากและฟันและบวกกับการที่เด็กชอบรับประทานของหวาน น้ำอัดลมหรือขนมต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ การเกิดฟันผุเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยและส่งผลทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ โดนล้อ หรือแม้กระทั่งทำให้รับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ในอนาคต เพราะการที่มีฟันน้ำนมผุจะทำให้รู้สึกปวด บดเคี้ยวอาหารไม่ได้และร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตอีกทั้ง อาการปวดฟันยังส่งผลทำให้เด็กนอนไม่หลับและทำให้เรียนรู้ช้า

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและยังสามารถขัดขวางในเรื่องของพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้อีกด้วย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันและควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เด็กได้เติบโตไปมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีหรือถ้าผู้ปกครองท่านใดสนใจที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆเพราะการที่เด็กเข้ารับการจัดฟันก็จะช่วยทำให้ปลูกฝังในเรื่องของการดูแลช่องปากและฟันไปในตัวและยังช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น


สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด ที่กำลังตัดสินใจว่าจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กหรือไม่ เพราะอาจจะกังวลในข้อจำกัดหลายๆอย่างและไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองได้ปฏิบัติตัวและให้เด็กได้เตรียมความพร้อม สำหรับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับวิธีการเตรียมตัวของพ่อแม่ผู้ปกครอง สิ่งสำคัญเลยก็คือควรพูดทำความเข้าใจกับบุตรหลานของท่านให้เข้าใจว่า เหตุใดเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้เข้าใจก่อนเข้ารับการรักษา เพราะเด็กหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าพบทันตแพทย์เพราะ กลัวเจ็บหรือรู้สึกเขินอาย

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพฟันให้แก่บุตรหลาน สำหรับวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ในขั้นแรกที่เรากล่าวไปแล้วก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้กับบุตรหลานของท่าน ต่อมาก่อนการเข้ารับการจัดฟันเด็กจะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันก่อนเข้าตรวจกับทันตแพทย์ ในข้อนี้เด็กจะต้องมีความร่วมมือในการรักษากับทันตแพทย์ด้วย ต่อมาถึงขั้นตอนของการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กเพื่อให้ทันตแพทย์ได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยอาจจะมีพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมพูดคุยด้วย หลังจากพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงขั้นตอนการวางแผนการรักษาและการออกแบบ

เครื่องมือการจัดฟันให้เหมาะสมกับเด็ก นี่ก็คือวิธีการเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับ จัดฟันในเด็กส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะต้องเตรียมในการจัดฟัน ในข้อนี้ต้องอธิบายก่อนว่าราคาของการจัดฟันในแต่ละแบบและแต่ละสถานที่จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ รวมกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันด้วย ดังนั้น ในเรื่องของค่าใช้จ่ายพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา หรือเงื่อนไขและเตรียมความพร้อมก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

หากพ่อแม่ท่านใดอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมของเด็กจึงทำให้มีการรักษาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและเหมาะสมมากที่สุด เพราะทางคลินิกของเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หน้า: [1] 2 3 ... 92


























































กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

ไม่รู้จะขายอะไรดี
อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า