ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: คำถาม-คำตอบ ข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนโควิด19ถาม: ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต้องงดการดื่มชา กาแฟไหม?
ตอบ: “หากใครดื่มกาแฟอยู่เป็นประจำทุกวัน ก็ดื่มได้ คนที่ดื่มประจำร่างกายสามารถปรับตัวได้อยู่แล้ว ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันต้องงดดื่มกาแฟ แต่ถ้าปกติดื่มนานๆ ครั้ง ไม่ค่อยดื่ม ควรเลี่ยงดื่มกาแฟวันที่ฉีดวัคซีน เพราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว และบีบเส้นเลือด ความดันจะขึ้นสูง”
ถาม: หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ตอบ: หลังจากฉีดวัคซีน มักพบปฏิกิริยาเฉพาะ เช่น ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถหายเองได้ แต่ในบางครั้งก็อาจเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ (หลังฉีดควรสังเกตอาการ ณ สถานที่ฉีดอย่างน้อย 30 นาที)
อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป หลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca)
ถาม: เมื่อฉีดวัคซีนแล้วจะเป็นโรคโควิด-19 ได้หรือไม่?
ตอบ: “ถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว แต่ก็มีโอกาสป่วยได้ เนื่องจากวัคซีนป้องกันไม่ได้ 100% แต่หลังจากฉีดวัคซีน ถ้าเป็นโรค ส่วนใหญ่อาการน้อยลง ลดอัตราการเสียชีวิต ลดความรุนแรงที่จะเข้าโรงพยาบาล”
ถาม: เมื่อฉีดวัคซีนแล้วหากมีไข้ หรือปวดเมื่อยมาก ควรทำอย่างไร ?
ตอบ: “ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมาก ทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มก. ครั้งละ 1 เม็ด ซ้ำได้ถ้าจำเป็น แต่ให้ห่าง 6 ชั่วโมง”
ถาม: ควรรับประทานยาพาราเซตามอลกี่เม็ด? รับประทานยาพาราเซตามอลอย่างไร ? ให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว
ตอบ: วิธีรับประทานยาพาราเซตามอลให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว
ยาพาราเซตามอลเป็นยาสำหรับแก้ปวดและลดไข้ จัดเป็นยาไม่อันตราย แต่หากมีการใช้ยาพาราเซตามอลที่มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อตับได้ ดังนั้นเราควรรับประทานยาพาราเซตามอลให้ถูกต้อง โดยรับประทานให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว ดังนี้
▪ น้ำหนัก 35-50 กิโลกรัม (1 เม็ด)
▪ น้ำหนัก 51-67 กิโลกรัม (1 เม็ดครึ่ง)
▪ น้ำหนัก 62 กิโลกรัม ขึ้นไป (2 เม็ด)
(ปริมาณยาพาราเซตามอลขนาด 500 มก.)
*ข้อแนะนำเพิ่มเติม :
– รับประทานห่างกันอย่างน้อย 4 ชม.
– ใช้ยาเฉพาะเวลามีอาการ
– ไม่ควรรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– ในแต่ละวันไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลเกินวันละ 8 เม็ด
ถาม: วัคซีน covid-19 ต่างชนิด/ยี่ห้อ สามารถฉีดสลับกันได้หรือไม่?
ตอบ: “ในขณะนี้แนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิดเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม (ยกเว้นกรณีที่ไม่สามารถหาวัคซีนชนิดเดิมฉีดได้ หรือมีอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนชนิดเดิม)”
ถาม: ผู้มีประจำเดือน สามารถเข้ารับวัคซีน Covid-19 ได้หรือไม่?
ตอบ: “ผู้หญิงที่มีประจำเดือน สามารถเข้ารับวัคซีน covid-19 ได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามใดๆ ในการเข้ารับวัคซีน”
ถาม: หญิงตั้งครรภ์ สามารถฉีดวัคซีน covid-19 ได้หรือไม่?
ตอบ: “หญิงตั้งครรภ์ สามารถรับวัคซีนโควิด19 ได้ทุกชนิดในขณะนี้ (เมื่อมีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์เป็นต้นไป)”
ถาม: ผู้หญิงให้นมบุตร สามารถรับวัคซีน covid-19 ได้หรือไม่?
ตอบ: “หญิงให้นมบุตรสามารถรับวัคซีน covid-19 ได้ทุกชนิด ที่มีในขณะนี้ โดยไม่จำเป็นต้องงดนมแม่หลังฉีดวัคซีน”
ถาม: อาการหลังได้รับวัคซีน covid-19 แบบไหน ที่ควรเปลี่ยนชนิดการให้วัคซีนในครั้งที่ 2
ตอบ: “มีอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น ชัก เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก ตาบวม/ปิดไม่สนิท หนังตาตก ใจสั่น อ่อนแรงทั้งตัว หายใจไม่ออก หูอื้อ วิงเวียน คลื่นไส้ เป็นต้น”
อาการแบบไหนแพ้วัคซีนโควิด เช็คอาการต้องรู้ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19
ถาม: เคยติดโควิด-19 และหายแล้ว ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนไหม?
ตอบ: สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว แม้ว่าร่างกายจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื่อ แต่พบว่าระดับภูมิคุ้มกันนั้นลดลงอย่างรวดเร็วจึงสามารถติดเชื้อซ้ำได้อีก แนะนำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลังหายจากอาการป่วย โดยเว้นระยะหลังจากติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
ถาม: ฉีดวัคซีนโควิด–19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้หรือไม่
ตอบ: “วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนใหม่ จึงยังไม่อยากให้ฉีดพร้อมกับวัคซีนอื่น เพราะหากมีอาการข้างเคียงจะไม่ทราบว่าเกิดจากวัคซีนใด จึงควรฉีดห่างกัน 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนด้วย ยกเว้นในกรณีป้องกันโรครุนแรงถึงชีวิต สามารถฉีดได้ เช่น ถูกสุนัขกัด จำเป็นต้องฉีดวัคซีนพิษป้องกันโรคสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันบาดทะยัก”
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 มีความคล้ายคลึงกัน และมีโอกาสติดเชื้อร่วมกัน หากติดโควิดร่วมกับไข้หวัดใหญ่ จะทำให้มีความเสี่ยงป่วยรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วย